พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 9 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ออกข้อกำหนดฉบับที่ 2 เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019(COVID-19) โดยกำหนดช่วงเวลาให้ประชาชนห้ามออกจากบ้าน โดยหากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย โดยประกาศมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป “ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22:00 นาฬิกา ถึง 4:00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นเว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภค บริโภค ผลผลิตการเกษตร ยาเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้า เพื่อการนำเข้าหรือส่งออกการขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศ เพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ “การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนดประกาศ หรือคำสั่งต่างๆของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นโดยได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับทั้งนี้ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ไทยหายป่วยโควิดแล้ว 505 ราย ป่วยใหม่ 104 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยพบผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยโควิด -19 เพิ่มอีกในวันนี้ “มีคนที่หายแล้ว 505 ราย ผู้ป่วยยืนยัน 1,875 ราย มีผู้ป่วยใหม่ 104 ราย และที่น่าเสียใจ คือเสียชีวิตไป 15 ราย มีรายใหม่ 3 ราย รายที่ 1 เป็นรายที่เป็นข่าวไปเมื่อวานนี้ เป็นผู้ป่วยชายอายุ 57 ปี มีประวัติเดินทางจากสุไหงโกลกไปปากีสถาน รายที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 77 ปี มีประวัติเป็นโรคถึงลมโป่งพอง และเบาหวาน ที่โรงพยาบาลแห่งนึงในจังหวัดปัตตานี ส่วนรายที่ 3 เป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 55 ปี อาชีพขับรถสาธารณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีประวัติเดินทางขับรถไปที่จังหวัดสุรินทร์” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว “ในรายใหม่ 104 ราย กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่ประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ กลุ่มนี้ 60 ราย สนามมวย 1 ราย สถานบันเทิง 10 ราย พิธีกรรมทางศาสนา อินโดนิเซีย 8 ราย ใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 40 ราย กลุ่มสองไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 36 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ สัมผัสกับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ไปสถานที่ชุมนุม อาชีพเสี่ยง ทำงานในที่แออัด สัมผัสกับคนต่างชาติ เป็น บุคลากรสาธารณสุข 2 ราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติม
อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=gz9fTAQsyCM& อีสานป่วยสะสม 80 ราย โคราช-อุบล มากสุด กรมควบคุมโรคเปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ https://covid19.th-stat.com/ ในวันนี้ ระบุว่า ปัจจุบัน ภาคอีสานมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) แล้ว 80 ราย จาก 17 จังหวัด โดยสามารถจำแนกจังหวัดได้ดังนี้ นครราชสีมา 14 อุบลราชธานี 13 บุรีรัมย์ 10 ศรีสะเกษ 7 สุรินทร์ 7 อุดรธานี 7 มุกดาหาร 4 หนองบัวลำภู 3 เลย 3 ร้อยเอ็ด 3 ขอนแก่น 2 กาฬสินธุ์ 2 ชัยภูมิ 1 หนองคาย 1 อำนาจเจริญ 1 มหาสารคาม 1 ยโสธร 1 (ตัวเลขมีการเพิ่มลดในแต่ละจังหวัดแตกต่างไปแต่ละวัน แต่เรายึดตัวเลขรวมของกรมควบคุมโรคเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ) ทั่วโลกป่วยใกล้ล้านราย ขณะที่ปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิด-19 รวม 951,901 คน มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยใน 200 ประเทศ มีผู้เสียชีวิต 48,284 คน รักษาหายแล้ว 202,342 คน ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และจีน เป็นต้น ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สเปน จีน เยอรมนี และประเทศอื่น ๆ ตามลำดับ โดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในขั้นโรคระบาดใหญ่ หรือ Pandemic แล้ว
อ้างอิง : https://gisanddata.maps.arcgis.com/apps/opsdashboard/index.html#/bda7594740fd40299423467b48e9ecf6
#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #ไวรัส #โคโรนา #สายพันธุ์ใหม่ #ไทย #นายก #เอาอยู่ #Covid19 #โควิด #สิทธิเสรีภาพ #สื่อ #สื่อมวลชน #ประชาชน #ครม
ภาพประกอบ : https://www.thaigov.go.th/
Comments