top of page

สงครามที่ไม่รู้จบ (3): 'เทศกาลผลไม้' หลังเสียงปืนดัง ในวันที่เขตแดนไม่ใช่เรื่องของคนแถวนี้

  • Writer: The Isaander
    The Isaander
  • Jul 17
  • 2 min read

Updated: Aug 2

ree

Smanachan Buddhajak

สงครามที่ไม่รู้จบ (3): 'เทศกาลผลไม้' หลังเสียงปืนดัง ในวันที่เขตแดนไม่ใช่เรื่องของคนแถวนี้


27 พฤษภาคม 2568 เสียงปืนดังขึ้น ที่หุบเขาในพื้นที่ช่องบกรอยต่อเขตแดนระหว่าง 3 ประเทศ จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา บริเวณศาลาตรีมุข ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานความสัมพันธ์-ความร่วมมือระหว่างผู้คน 3 ประเทศ ลือกันว่าอาจมาจากการที่ศาลาตรีมุขถูกเผาจากมือเพลิงไม่ทราบฝ่าย ตามรายงานการปะทะเพียงเกิดขึ้นไม่เกิน 10 นาที ขนาดที่ว่าคนแถวนั้นก็แทบจะไม่รับรู้ได้ยิน แต่มันกลับดังออกไปไกล ปลุกกระแสความไม่พอใจเกิดขึ้นทั่วประเทศ

วันที่ 10 มิถุนายน ที่บ้านแปดอุ้ม ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน "รู้ข่าวว่ามียิงกัน เพราะจากดูข่าวในมือถือเหมือนกัน รู้พร้อมกับคนอื่น" ใส ละเม็ก กล่าวขณะที่เขากับเพื่อนร่วมงานในสำนักงาน อบต. กำลังช่วยกันตกแต่งรถแห่ด้วยสิ่งจำลองรูปกุ้งและเงาะ ทุเรียนและผลไม้พื้นถิ่นอื่น ๆ เพื่อจะนำไปเข้าร่วมงาน "ผลไม้และของดีอำเภอน้ำยืน" เทศกาลงานใหญ่ประจำปีของอำเภอ


ขณะที่ความเดือดดาลเกิดเป็นกระแสปกป้องดินแดนขึ้นทั่วประเทศ แกนนำเริ่มมีการประกาศว่าจะจัดชุมนุมใหญ่กลางเมืองกรุง คนแถวนี้ที่อยู่ห่างจากจุดปะทะไม่เกิน 5 กิโลเมตร กำลังง่วนอยู่กับการออกแบบรถแห่ยังไงให้ถูกใจกรรมการในงานประกวดที่จะมาถึงอีก 2 วันข้างหน้า


"คนที่อื่นกลัว แต่คนแถวนี้เฉย ๆ อยากให้มาดูว่ามันไม่เหมือนในข่าว คนที่นี้เราก็ใช้ชีวิตกันปกติ" ใส กล่าวอีก ในฐานะคนที่เกิดและโตที่นี้ว่าสถานการณ์ไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่คนข้างนอกมองเข้ามา ยืนยันได้จากเสียงพูดคุยยกล้อเฮฮากัน เปิดเพลงไปพลางระหว่าง ประดับรถแห่

ree

บังเกอร์ที่มีทุกบ้าน คนแถวนี้ต่างมีสงครามเป็นของตัวเอง


คงไม่ผิดนัก หากจะบอกว่าพื้นที่แถวนี้แทบจะไม่เคยว่างเว้นจากสงคราม-ความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงสงครามปราบคอมมิวนิสต์ที่ มีการเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ใช้แนวเขาติดกับชายแดนเป็นฐานเขตงานที่ 11 เคลื่อนไหว แย่งชิงมวลชนกับฝั่งรัฐ ที่เกิดรบกันด้วยอาวุธอยู่หลายครั้ง

หลังเวียดนามกรีฑาทัพบุกพนมเปญ ล้มระบอบเขมรแดงที่นำโดยนายพล ลอนนอล เขมรแดงก็ถอยเข้ามาตั้งฐานในเขตแดนไทย มีการปะทะกันมาตามตลอดแนวชายแดน จนในปี 2528 ที่กองทัพเวียดนามล้ำเข้าในเขตแดนไทยมาเพื่อจะกวาดล้างกลุ่มเขมรแดง เกิดการปะทะกันกับกองทัพไทยที่ช่องบก กลายเป็นศึกชัยชนะครั้งสำคัญสร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพไทย เรียกว่ายุทธการ "เนิน 500" พื้นที่ทางชันอยู่ใกล้ช่องบกนี้ จากนั้นตามหลังมาด้วยความขัดแย้งเกี่ยวกับเส้นเขตแดนไทย-เขมรที่ปะทะกันมาหลายระลอก


อาจเรียกที่นี้ว่า "ตำบลกระสุนตก" ที่พลเมืองในตำบลนี้ต่างมีสงครามเป็นของตัวเอง สักครั้งในชีวิตต้องเคยมีประสบการณ์อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความรุนแรง และเป็นอีกครั้งนี้ที่เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งที่ตำบลโดมประดิษฐ์ จากการปะทะบนพื้นที่ไม่กี่ร้อยตารางเมตร บนดินแดนที่คนแถวนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในเขตแดนของรัฐชาติไหน สิ่งที่เกิดขึ้นแถวนี้กำลังจะถูกขยายให้เป็นชนวนที่นำประเทศสู่วิกฤติครั้งใหม่


เกิดการปะทะกันกับกองทัพไทยที่ช่องบก กลายเป็นศึกชัยชนะครั้งสำคัญสร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพไทย เรียกว่ายุทธการ "เนิน 500" พื้นที่ทางชันอยู่ใกล้ช่องบกนี้ จากนั้นตามหลังมาด้วยความขัดแย้งเกี่ยวกับเส้นเขตแดนไทย-เขมรที่ปะทะกันมาหลายระลอก


อาจเรียกที่นี้ว่า "ตำบลกระสุนตก" ที่พลเมืองในตำบลนี้ต่างมีสงครามเป็นของตัวเอง สักครั้งในชีวิตต้องเคยมีประสบการณ์อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความรุนแรง และเป็นอีกครั้งนี้ที่เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งที่ตำบลโดมประดิษฐ์ จากการปะทะบนพื้นที่ไม่กี่ร้อยตารางเมตร บนดินแดนที่คนแถวนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในเขตแดนของรัฐชาติไหน สิ่งที่เกิดขึ้นแถวนี้กำลังจะถูกขยายให้เป็นชนวนที่นำประเทศสู่วิกฤติครั้งใหม่


"ผมไม่อยากไปนะ (อพยพ) มันเหนื่อย คนเยอะ ไปก็ไปอดไปอยาก มันเบื่อมันหลายครั้งแล้วตั้งแต่ผมเด็ก ๆ จนมาแก่ยังมีสงครามกันอีก ให้ยิงกันมาจริง ๆก่อน ค่อยว่ากัน" จันทรา นิรานันท์ กล่าวขณะกำลังพาไปดูหลุมหลบภัยประจำบ้าน ที่ต้องปรับปรุงใหม่ จากเดิมหลุมจะตื้นเขินมาบ้างแล้ว จากภาวะสงครามที่ว่างเว้นไปพักใหญ่ ไม่นานมานี้ต้องขุดให้กลับมาลึกดังเดิม เพราะทางการเริ่มประกาศให้เตรียมพร้อมไว้เผื่อมีการอพยพ


สำหรับจันทรา ในวัย 76 ปี ที่ผ่านมาทุกสงครามในพื้นที่แถวนี้ ในวัยหนุ่มเคยเป็นแนวร่วมฝ่ายรัฐ ต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์ ต่อสู้ไม่ให้เข้ามาขยายอิทธิพลเข้ามาในพื้นแถวนี้ จนหมู่บ้านแปดอุ้มของเขาเคยถูกฝ่ายคอมมิวนิสต์กวาดต้อนยกครัวให้ข้ามไปอยู่ฝั่งกัมพูชาหายไปทั้งหมู่บ้านมาแล้ว (ย้อนอ่านสงครามที่ไม่รู้จบ (1): การกวาดต้อนชาวบ้าน "แปดอุ้ม") สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเขาจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรง ใช้อาวุธหนัก เมื่อเทียบกับสงครามหนัก ๆก่อน


ree
ree


"รุ่นแต่ก่อนก็ไปหาสู่กันได้ ไม่เกี่ยวกับเขตแดนอะไร ทำไมรุ่นนี้มาจะรบกัน ว่าจะหาดินแดนแท้ คนแถวนี้ไม่รู้ดินแดนตัวแท้มันอยู่ตรงไหน" จันทรา บ่น


ก็เหมือนกับหลายคนที่ผู้เขียนได้พูดคุยด้วย ที่ไม่อยากจะอพยพไปไหน เพราะสำหรับพวกเขาสถานการณ์แบบที่เป็นอยู่นี้ ไม่น่าเป็นห่วง ไม่ได้มีการปะทะกันรุนแรง เพียงแค่ถูกสร้างกระแสให้ดูน่ากลัว เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และหลายคนก็มองว่าผู้ที่สั่งการไม่เข้าบริบทพื้นที่มากพอ จึงสั่งการเกินใหญ่โตความเป็นจริง พอมีผู้หลักผู้ใหญ่มาแต่ละครั้งก็ต้องวุ่นวายซ้อมอพยพซ้อมหลบภัย


ครูสาวคนหนึ่ง พาผู้เขียนไปดูบังเกอร์หลังโรงเรียนที่เพิ่งตัดหญ้าทำความสะอาดเตรียมพร้อมไว้เสร็จ "ตอนนั้นน่าจะ ป.1 ป.2 บางคืนพ่อแม่ต้องพาไปนอนที่หลุม ตอนเรียนเวลามีเสียงปืนดังก็ ครูจะพาเดินต่อแถวหลบเข้าบังเกอร์" เธอเล่าย้อนไปที่ช่วง 2528-2530 ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับเวียดนามที่ช่องบก เวลานั้นเธอยังเป็นนักเรียนโรงเรียนแห่งเดียวกันนี้ ก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศภาวะสงครามมาตั้งแต่ตอนนั้น ที่เป็นการรบอย่างเต็มรูปแบบ ใช้อาวุธหนักยิงเข้าหากัน โรงเรียนของเธอก็อยู่ในรัศมีของกระสุนปืนใหญ่


หลังเรียนจบครู เธอกลับมาสอนโรงเรียนในวัยเด็กของตัวเอง เธอเป็นฝ่ายต้องใช้ประสบการณ์ที่เคยผ่านมาก่อน เตรียมแผนซักซ้อมเด็ก ๆ เข้าหลบในบังเกอร์ แบบที่สมัยวัยเด็กของเธอเคยเข้าไปหลบ


เสียงที่ดังไม่เท่ากัน

ยามเว้นวางจากความขัดแย้ง ผู้คนแถวนี้ก็ไม่ได้ห่างหายไปจากเงาของสงคราม เสียงระเบิดยังคงดัง ดังขึ้นตามเนินเขา หัวไร่ปลายนา จากการที่ใครสักคนเหยียบเข้ากับทุ่นระเบิด ที่หลงเหลือตกค้างมาจากสงครามคราวก่อน ๆ แม้จะรู้ว่าอันตราย แต่ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก วิถีชีวิตอยู่หากินกับป่าเขา จำต้องดำเนินวิถีนี้ต่อไป


-แถวนี้ไม่มีผู้เหยียบทุ่นระเบิดรายใหม่มาสักพักใหญ่แล้ว- หรัส สุทะนัง แจ้งสถานการณ์ ส่วนเสียงปืนจากการปะทะครั้งล่าสุดก็เงียบงันไปนานแล้ว แต่ตามมาด้วยกระแสการปกป้องดินแดน ที่ระงมดังมาจากทุกสารทิศ


"ผมก็ไม่รู้ว่าดินแดนมันอยู่ตรงไหน มันเป็นเรื่องผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้าน เขาก็เอาไปพูดยุยงไปอย่างนั้นแหละให้รัฐบาลรบกัน ไม่รู้ว่าผลกระทบเกิดกับคนชายแดน" หลังแกนนำประกาศจะจัดการชุมนุมใหญ่ที่ใจกลางกรุงเทพฯ หรัส ยืนยันเรื่องผลกระทบจากความขัดแย้งที่คนชายแดนได้รับอย่างมีน้ำหนักมากที่สุด




ree


เพราะเขาเป็นทั้งเหยื่อที่ต้องพิการจากทุ่นระเบิดที่สงครามเมื่อครั้งก่อนทิ้งไว้ต่างหน้า และยังเป็นแนวหน้าทำหน้าที่ช่างทำขาเทียม ช่วยเหลือผู้พิการจากทุ่นระเบิด ที่เป็นเหมือนกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ในสงครามที่ไม่รู้จบนี้ (ย้อนอ่านเรื่องของหรัสได้ใน สงครามที่ไม่รู้จบ (2) “เย็บแผ่นดิน”) การเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ดำเนินไปอย่างล่าช้า เป็นสาเหตุหนึ่งด้วยที่ทำให้การปักปันเขตแดนช้าไปด้วย ผู้คนตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงต้องเผชิญกับพิษภัยจากทุ่นระเบิด มีผู้พิการหรือเสียชีวิตทุกครั้งที่เสียงระเบิดดังขึ้น ซ้ำๆมาอย่างยาวนาน แต่กลับไม่เคยดังไปถึงหูแกนนำผู้รักชาติกลุ่มไหน


"ไม่เดือดร้อนหรอก ขอให้ขึ้นหาของป่าได้สะดวก เขตแดนไหนของใครไม่รู้ ขอให้สงบพอ"  หรัส บอกสิ่งที่ดูจะเดือดร้อนสำหรับคนแถวนี้คือการไม่ได้ขึ้นไปเก็บเห็ดตามแนวป่า ฝนกำลังมาเห็ดน่าจะขึ้นเยอะ ดีหน่อยที่อย่างน้อยผ่านฤดูกาลออกผลของ "บักจอง" หรือลูกสำรอง ผ่านไปแล้ว ผลไม้ป่าของดีแถวนี้ มีสรรพคุณเป็นสมุนไพร มีนายหน้ามารอรับซื้อในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 4-5 ร้อย เพราะมีความต้องการจากชาวจีน ซึ่งจะออกผลช่วงเมษายน-พฤษภาคม ก่อนการปะทะจะเกิดขึ้นพอดิบพอดี



แล้ววันสำคัญมาถึง 12 มิถุนายน วันแรกของงาน ผลไม้และของดีอำเภอน้ำยืน เวลาเย็น ณ ที่ว่าการอำเภอน้ำยืน ไฟระยิบเปล่งแสงแข่งกับดวงอาทิตย์ยังตกไม่มิดดิน แผงขายของพึ่งตั้งเสร็จ เครื่องเล่นเริ่มทำงาน เวทีพิธีเกือบเสร็จเรียบร้อย รถแห่จากตำบลโดมประดิษฐ์ที่เสร็จเรียบร้อย ก็มาจอดรอกิจกรรมขบวนแห่ที่จะเกิดขึ้นวันพรุ้งนี้ พร้อมรถแห่จากทุกตำบลในอำเภอที่มาจากเรียงกัน ติดกันนนั้นเป็นรถแห่จากตำบลเก่าขาม ที่ห่างจากช่องบกเข้าจากชายแดนไป 50 กม. ตกแต่งด้วยผลไม้สดและป้ายลายพรางพร้อมข้อความแฮชแท็กสุดฮิต


"ไทยนี้รักสงบ แต่ถ้าต้องรบไม่ขลาด"


___________________


อ่านที่เกี่ยวข้อง

สงครามที่ไม่รู้จบ (2) “เย็บแผ่นดิน” https://www.theisaander.com/post/08102020coldwarboom2

สงครามที่ไม่รู้จบ(1): การกวาดต้อนชาวบ้าน “แปด อุ้ม”https://www.theisaander.com/post/241019comunistubon1





 
 
 

Comments


Commenting on this post isn't available anymore. Contact the site owner for more info.
website-main-logo

สำนักข่าวโดยคนอีสานเพื่อคนอีสานและคนที่ใช้ภาษาไทย 

  • Facebook
  • X
  • Youtube
  • Instagram
bottom of page