top of page
Writer's pictureThe Isaander

ศบค. เคาะกินเหล้า-เบียร์ในร้านได้แล้ว!


ในวันศุกร์นี้ ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติเห็นชอบให้ ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน(Curfew)ของประชาชน และนำใช้มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 แล้ว โดยจะเริ่มในวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะเปิดให้ชาวต่างชาติบางประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ในอนาคต


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว โดยจะอนุญาตให้สามารถดำเนินกิจกรรมและกิจการได้ในหลายประเภทในวันจันทร์ที่จะถึง


“ข้อเสนอมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 4 มาตรการการบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญเรื่องเคอร์ฟิว ยกเลิกเลย เรื่องการห้ามออกนอกเคหสถาน มีมติแล้ว แต่จะบังคับใช้ก็คือวันที่ 15 (มิถุนายน 2563) แต่ยังคงควบคุมเรื่องของการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก น้ำและอากาศ เป็นความสำคัญเพราะว่า ณ ตอนนี้คนที่ติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น คนในประเทศเดินทางกันได้ตลอดเวลา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ในวันจันทร์ที่จะถึงจะมีการอนุญาตให้กิจกรรม และกิจการสามารถดำเนินการได้ดังนี้


1. โรงเรียนนานาชาติ สถาบันการศึกษานอกระบบ สถาบันกวดวิชา และโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน


2. สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน สถานดูแลผู้สูงอายุ และสถานสงเคราะห์อื่น ๆ สามารถเปิดให้บริการแบบค้างคืนได้


3. การประชุม อบรม สัมมนา ในหน่วยงานราชการ และโรงแรม


4. การจัดนิทรรศการ งานพิธี การจัดเลี้ยง การแสดงดนตรี คอนเสิร์ต และงานอีเวนต์


5. การเปิดตัวสินค้าในสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงแรม โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า แต่ต้องจัดสถานที่ให้ผู้ร่วมงานมีระยะห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร หรือมีพื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อคน


6. ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้


7. ศูนย์วิทยาศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ ท้องฟ้าจำลอง เปิดให้บริการได้แต่ต้องจัดให้เข้าชมเป็นกลุ่มเล็ก


8. กองถ่ายทำภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ต้องมีทีมงานทั้งหมดไม่เกิน 150 คน หากมีผู้ชมต้องไม่เกิน 50 คน


9. สถานบริการอบตัว อบสมุนไพร สปา นวดแผนไทยเปิดให้บริการได้ แต่ควรให้บริการแบบแยกห้อง หรือหากเป็นห้องรวม ต้องจำกัดจำนวนคน และมีพื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อคน


10. สนามกีฬา สถานที่ฝึกสอนกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย เปิดได้แต่ไม่ควรมีผู้เข้าร่วมเกิน 50 คนต่อกิจกรรม


11. การจัดการแข่งขันกีฬา ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ได้ แต่ต้องไม่มีผู้ชมอยู่ในสนาม 12. สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก เปิดบริการได้


13. การเดินทางโดยเครื่องบิน สามารถให้บริการได้ทุกที่นั่ง แต่ผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย


14. รถโดยสารสาธารณะให้บริการได้ 70 % ของที่นั่งทั้งหมด และผู้โดยสารต้องลงทะเบียนเพื่อการติดตามตัว


ขณะที่กิจกรรมและกิจการที่ยังห้ามอยู่ ประกอบด้วย


1. การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ


2. ผับ บาร์ คาราโอเกะ และ โรงเบียร์


3. สถานบริการอาบอบนวด


4. โรงเรียนภายใต้การกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้เปิดการเรียนการสอนในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563


5. สวนสนุก ประเภท บ้านบอล บ้านลม ตู้เกม และเครื่องเล่นยอดเหรียญ


ขณะเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. มีความเห็นชอบเบื้องต้นในการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ในอนาคต แต่จะอนุญาตเป็นบางประเทศที่มีการดูแลควบคุมโรคได้ดี โดยกลุ่มประเทศเป้าหมายคือ จีน รวมฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สปป.ลาว เมียนมา หรือตะวันออกกลางบางประเทศ โดยเน้นกลุ่มนักธุรกิจ และผู้รับบริการทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดวันและเวลาเริ่มดำเนินนโยบายนี้


“สิ่งที่เริ่มต้นก่อน ต้องเลือกเป้าหมายความสามารถควบคุมการระบาดได้ดี จากนั้นไปดูมาตรการ ต้องตรวจเชื้อได้อย่างเข้มงวด ต้องตรวจตั้งแต่ก่อนออกนอกประเทศ ตรวจซ้ำเมื่อถึงประเทศเรา ต้องมีซื้อประกันสุขภาพ เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายความเจ็บป่วย ที่เขากลัวมากที่สุดก็คือ ต้องมากักตัวไหมตรงนี้ต้องมาทลายข้อนี้ไป ต้องมั่นใจว่า เข้ามาต้องไม่มีเชื้อ แล้วเข้ามาต้องมีระบบแล้ว ผอ.ศบค. มีข้อสรุปเห็นชอบในหลักการ แต่ในรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ต้องมีคณะกรรมการชุดย่อยไปพูดคุยลงรายละเอียดในมาตรการ ประชาชนคนทั่วไปต้องได้รับประโยชน์จากตรงนี้ด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว



ไทยพบผู้ติดเชื้อในสถานกักกันเพิ่ม 4 ราย ไร้ผู้ติดเชื้อในประเทศ 18 วันแล้ว



นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยไร้ผู้ติดเชื้อในประเทศแล้ว 18 วัน หลังจากที่วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสถานกักกันโรค


“วันนี้ 4 รายเป็นอยู่ในสเตทควอรันทีนทั้งสิ้น ทำให้ยอดรวมไปอยู่ที่ 3,128 ราย หายป่วยแล้ว 2,987 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม เสียชีวิตสะสม 58 ราย รักษาตัวอยู่ที่ 84 ราย 4 รายที่ว่านี้มาจากประเทศอินเดียทั้ง 4 ราย รายแรก มาวันที่ 4 เป็นผู้หญิงไทยอายุ 39 ปี เป็นแม่บ้าน มาวันที่ 4 มิถุนายน แล้วก็พักที่จังหวัดชลบุรี ก็ตรวจหาเชื้อวันที่ 9 ก็พบเชื้อแต่ว่า ไม่มีอาการ กลุ่มที่ 2 เป็นผู้ชาย 2 คน 37 ปี กับ 53 ปี อาชีพรับจ้าง และผู้หญิงอายุ 44 เป็นพนักงานนวดมาถึงเมืองไทยวันที่ 5 มิถุนา เข้าพักสเตทควอรันทีนที่ชลบุรีเช่นกัน ตรวจเชื้อพบวันที่ 10 แต่ไม่มีอาการ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


ศบค. เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบัน มีคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศ 27,160 ราย เป็นการเข้าจากพรมแดน 15,899 ราย ที่เหลือเป็นการเดินทางเข้ามาโดยเครื่องบิน อินเดียเป็นประเทศที่มีคนไทยกลับมาโดยเครื่องบินมากที่สุด 2,445 ราย รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา 2,244 ราย และญี่ปุ่น 1,015 ราย มีผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบขณะกักตัวในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 192 ราย โดยกลุ่มจากประเทศอินโดนิเซียพบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 65 ราย รองลงมาคือ คูเวต 34 ราย


ขอบคุณรูปประกอบจาก Unitednations / Unsplash


#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #โควิด19 #โคโรนา #ประเทศไทย #สู้เด้อสู


ติดตาม ดิ อีสานเด้อ ในช่องทางต่างๆได้ดังนี้


เว็บไซต์ https://www.theisaander.com/


แฟนเพจ https://www.facebook.com/theisaander/


อินสตาแกรม https://www.instagram.com/theisaander/


ทวิตเตอร์ https://twitter.com/TIsaander — at ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

24 views0 comments

コメント


bottom of page