top of page
  • Writer's pictureThe Isaander

22 พฤษภาคม 2557 รัฐประหารที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย



ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ถ้าไม่มีรัฐประหารในวันนั้น ประเทศไทยก็คงไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด เก่งที่สุด คนรักมากที่สุด เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในวันนี้อย่างแน่นอน และแค่เหตุผลนี้เหตุผลเดียวก็น่าจะทำให้ การรัฐประหารเมื่อ 6 ปีก่อน คือ การยึดอำนาจที่มีคุณค่า และมีราคา มากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย


ผมกล้าพูดได้เต็มปากอีกครั้งว่า ถ้าไม่มีรัฐประหารในครั้งนั้น ประเทศไทยอาจต้องเสียเลือดเสียเนื้อมากมาย เพราะรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาชุดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะต้องสั่งให้มีการสลายการชุมนุมในไม่ช้า และประวัติศาสตร์ก็เคยบันทึกเอาไว้แล้วว่า “การขอคืนพื้นที่” ทำให้มีการบาดเจ็บล้มตาย มากเพียงไหน และหากพลเอกประยุทธ์ ไม่ทำการรัฐประหารเสียก่อน ประชาชนผู้บริสุทธ์ที่ออกมาชุมนุม คงจะต้องเจอกับ คืนวันอันโหดร้าย เช่นที่เคยเกิดมาแล้วใน เดือนตุลาคม ปี 19, พฤษภาคม ปี 35 และ เมษายน-พฤษภาคม ปี 53


ผมเชื่ออย่างสุดลิ่มทิ่มประตูว่า พลเอกประยุทธ์ ตัดสินใจครั้งนั้นเพียงเพราะ “ท่านรักประชาชนทุกคน” และยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้คนเหล่านั้นต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ด้วยกระสุนปืนจากการ “กระชับพื้นที่” และ “ขอคืนพื้นที่” คำสวยหรูที่รัฐบาลมักเอาไว้ใช้เพื่อปราบปรามคู่แข่งทางการเมืองของตัวเอง และหากผู้ชุมนุมไม่ยินยอมโดยดี คงจะต้องมีของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากร่าง เพื่อสังเวยความดื้อรั้นนั้น


แน่นอน เมื่อพลเอกประยุทธ์ ยอมเอาชีวิต และหน้าที่การงานเข้าเสี่ยงยึดอำนาจมาได้ เขาก็ไม่เคยสักมิลลิวินาทีที่จะหยุดการปฏิรูปประเทศให้ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ผลที่ออกมาตลอดหลายปีที่เขาอยู่ในอำนาจ ก็ชัดเจนแล้วว่า เจตนารมณ์ของลุงตู่ คือ เจตนารมณ์เดียวกับของลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุพรรณ หมาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ชายผู้ยอมเสี่ยงชีวิตผลักดันให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง


ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี คสช. ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ผลงานชิ้นโบว์เขียวแรก สิ่งที่รัฐบาลไหนๆก็ไม่เคยทำได้ คือ การทำให้ล็อตตารี่ขายในราคาที่ควรจะเป็น จนทำให้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอำนาจ กองสลากแทบไม่เคยตรวจพบ การขายล็อตตารี่เกินราคาอีกเลย และมันคือเครื่องยืนยันอันแจ่มชัดว่า คสช. ห่วงคนรากหญ้ามากกว่าใคร พวกเขาจึงเลือกแก้ปัญหาของคนจนก่อน เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” ผิดกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่เคยคิดแก้ปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม แม้จะอ้างว่าทำเพื่อคนรากหญ้ามาตลอดก็ตาม


เรื่องความสงบ คือ อีกผลงานที่ลงตู่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับชื่อ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)” เพราะ ตลอด 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ภายใต้การบริหารของลุงตู่ คสช. ได้นำตัว หรือเยี่ยมบ้านคนที่มีแนวทางไม่ถูกต้องอย่างน้อย 1,349 คน จับผู้หลงผิดไปอย่างน้อย 625 คน ฟ้องร้องพวกที่อาจทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างน้อย 99 คน ขณะที่พวกชอบยุยงปลุกปั่นจนอาจผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 ก็ถูกเล่นงานอย่างน้อย 117 คน ทั้งยังมีพวกหัวรั้นที่อ้างแต่เสรีภาพแล้วจัดการชุมนุมอีกอย่างน้อย 421 คนที่ถูกจับ ซึ่งโดยสรุป ลุงได้จัดการเอาคนที่หลงผิดอย่างน้อย 1,886 คนขึ้นศาลทหาร ซึ่งเที่ยงตรง อิสระ ยุติธรรม มั่นใจได้


สถิติเหล่านี้ คือ เครื่องการันตีแนวทางบริหารแบบกันและกันของลุงตู่ ซึ่งทำให้เราสามารถเชื่อมั่นในสโลแกนที่ว่า “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” ได้อย่างเต็มหัวใจ


ไม่ใช่แค่เรื่องความสงบและปากท้องเท่านั้นที่ลุงใส่ใจ ศิลปวัฒนธรรมก็เป็นอีกเรื่องที่ ลุงตู่รัก เพราะ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ลุงได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงไปถึง 10 เพลง จริงอยู่เด็กสมัยนี้อาจจะมี “Youngohm” เป็นนักแต่งเพลงในดวงใจ แต่ “เฉยเมย”, “ดูไว้” หรือกระทั่ง “ธารารัตน์” มันเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อยกับสุดยอดเพลงฮิตอย่าง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” เพลงที่ไม่มีใครกล้าเถียงว่า คือที่สุดแห่งปี 2557 เพลงที่ทำลายทุกสถิติของวงการเพลงไทย เพราะถูกเปิดทั้งในสถานีวิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข โทรโข่ง และโทรศัพท์ เรียกได้ว่า ถ้าบิลบอร์ดจัดอันดับน่าจะสามารถขึ้นไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ “Rihanna”, “Lady Gaga” หรือกระทั่ง “Post Malone”


รัฐธรรมนูญต้านโกง คือ อีกหนึ่งความสำเร็จของ ลุงตู่ และ คสช. เพราะมันคือ รัฐธรรมนูญที่มีประชาชนลงคะแนนเสียงเห็นด้วยถึง 16.8 ล้านเสียง จาก 29.7 ล้านคนที่มาใช้สิทธิ์ มันคือ รัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชนที่สุด เพราะก่อนการทำประชามติ ก็มีการรณรงค์ให้ความรู้อย่างรอบด้านจากรัฐบาล ทั้ง คสช. เองยังพยายามปกป้องการบิดเบือนข้อมูลของรัฐธรรมนูญด้วยการดำเนินคดีกับ กลุ่มผู้สร้างความวุ่นวายที่พยายามรณรงค์ให้ข้อมูลด้านลบของมันอีกด้วย ทำให้หลังการลงประชามติ สามารถรวบรวมสถิติได้ว่า มีพวกชังชาติอย่างน้อย 113 ราย ที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการประชามติ


และผลของความขยันขันแข็งนั้น ทำให้ประเทศไทยมี รัฐธรรมนูญที่พ่วงด้วย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่การันตีว่า แม้ คสช. จะสิ้นอายุขัย วิญญาณของ คสช. ก็ยังจะสิงสถิตย์อยู่กับเมืองไทยไปอีกนาน คอยปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างต่อเนื่อง แม้ในอนาคตที่ พลเอกประยุทธ์จะมีอายุกว่า 80 ปี หรือพลเอกประวิตรจะมีอายุใกล้ 100 ปี แล้วก็ตาม


บทเฉพาะกาลที่ให้สิทธิ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีได้ในช่วง 5 ปีแรกนั้นก็สำคัญมาก เพราะ ส.ว. ที่ถูกคัดเลือกโดย คสช. ทำให้คนไทยมั่นใจได้ว่า พวกเขาจะยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติเอาไว้ ไม่มีทางที่เขาจะมีใจให้กับนักการเมืองชั้นต่ำ ชั้นเลว และมันได้พิสูจน์แล้วในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งล่าสุดว่า ส.ส. ผู้หิวโหย ไม่มีทางซื้อ ส.ว. ได้ เพราะ คสช. เลือก ส.ว. เองกับมือ ส.ว. ก็ได้กลับมาเลือก หัวหน้า คสช. อย่างพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี การเลือกกันไปมาคือ สุดยอดการตรวจสอบซึ่งกันและกัน เป็นความสวยงามของระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง


ความจริงอีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือ ก่อนที่จะได้รัฐธรรมนูญต้านโกงฉบับนี้ เคยมีร่างรัฐธรรมนูญในยุค คสช. อีกฉบับออกมาแล้ว แต่สุดท้าย ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นถูกโหวตไม่เห็นชอบไปโดย สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่ง ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ หัวหน้าทีมร่างเคยบอกไว้ว่า เหตุผลที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านคงเป็นเพราะ “เขาอยากอยู่ยาว” นั่นเป็นเครื่องการันตีว่า พลเอกประยุทธ์ รักประเทศไทยเพียงใด ถึงขนาดที่อยากจะฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้บนตำแหน่งการบริหารประเทศที่ไม่มีใครอยากจะรับภาระนี้ให้ยาวนานที่สุด


เรื่องวิสัยทัศน์ก็สำคัญ ตัวอย่างที่ชัดแจ้งที่สุดในเรื่องนี้คือ การสนับสนุน Work From Home หลายประเทศในโลกอาจต้องรอให้เกิดการระบาดของโควิด-19 จึงจะตระหนักถึงความสำคัญของ การทำงานจากบ้าน แต่พลเอกประยุทธ์ทำสิ่งนั้นมาก่อนหน้านานแล้ว ด้วยการส่ง พลเอกปรีชา จันทร์โอชา น้องชายหัวแก้วหัวแหวน ไปทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)


และ พลเอกปรีชา นี่เองที่กลายเป็น บิดาแห่งการทำงานอยู่บ้าน ด้วยสถิติที่หาใครเทียบเคียงไม่ได้ ตามการเปิดเผยของท่านพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คือ พลเอกปรีชาไม่ได้เข้าประชุมที่รัฐสภาถึง 46 ครั้งจาก 341 ครั้ง แต่สามารถร่วมลงมติถึง 5,097 ครั้ง จากทั้งหมด 7,085 ครั้ง พลาดการลงมติเพียง 1,988 ครั้งเท่านั้นเอง ขณะที่ วีระ สมความคิด ยังเคยเปิดเผยความเก่งกาจของ พล.อ.ปรีชา ว่าท่านอาจจะขาดประชุมถึง 394 ครั้ง จากจำนวนวันทำงาน 400 วัน


ความมั่นคง เป็นอีกสิ่งที่เราเชื่อได้อย่างมั่นใจว่า บิ๊กตู่ยึดถือเป็นหลักใหญ่ในการบริหารประเทศ เพราะตลอด 5 ปีที่อยู่ในอำนาจ คสช. ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กองทัพอย่างสมเหตุสมผล โดยในปี 2558 ที่ คสช. ได้จัดสรรงบประมาณประจำปีเอง กลาโหมได้รับอนุมัติเงิน 1.92 แสนล้านบาท หรือเพิ่มจากปี 2557 เกือบ 1 หมื่นล้านบาท


ต่อมาปี 2559 กลาโหมมีเงินใช้จ่าย 2.06 แสนล้านบาท ปี 2560 ขยับเป็น 2.13 แสนล้านบาท ปี 2561 ได้รับ 2.20 แสนล้านบาท และปี 2562 กลาโหมคว้า 2.27 แสนล้านบาท ทำให้รวมแล้ว 5 ปีที่ คสช. จัดสรรงบประมาณให้แก่กระทรวงกลาโหมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศชน มีมูลค่ารวมถึง 1.058 ล้านล้านบาท ยุทธศาสตร์นี้เองทำให้เรามั่นใจได้ว่า ไม่ว่า องค์กรก่อการร้ายเช่น อัลกออิดะฮ์, โบโกฮาราม หรือเมเดยีน คาร์เทล จะบุกมาโจมตีประเทศไทยหนักหน่วงเพียงใด กองทัพของเราก็สามารถจัดการได้อย่างสบายๆด้วยเรือดำน้ำ รถถัง หรือเครื่องบินรบที่ประเทศจัดซื้อมาใช้ตลอด 5 ปีของ คสช.


เรื่องสวัสดิการสำหรับประชาชนก็เป็นอีกผลงานที่ลืมไม่ได้ โครงการที่รัฐบาล คสช. ร่วมมือกับเอกชนรายใหญ่ในนาม “ประชารัฐ” คือ อีกผลงานชิ้นโบว์เขียว ประชารัฐ คือ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฆ่า “ประชานิยม” มรดกเลวร้ายที่ถูกสร้างไว้โดยชายชื่อ ทักษิณ ชินวัตร และไม่ว่า จะมองมุมหน้า มุมหลัง มุมข้าง มุมล่าง มุมบน ก็ชัดเจนว่า “ประชารัฐ” ต่างกับ “ประชานิยม” เหมือนที่ทุกคนก็รู้ดีว่า “สละ” ต่างจาก “ระกำ” อย่างชัดแจ้ง


ด้วย ความดี ความงาม ของประชารัฐนี่เอง ทำให้เมื่อถึงคราวต้องเลือกตั้ง พรรคการเมืองโดยอดีตรัฐมนตรีในยุค คสช. จึงเลือกเอา ประชารัฐมาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อในนาม “พรรคพลังประชารัฐ” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า เขาจะกินดี อยู่ดี แม้ต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง


ด้วยชื่อแบรนด์อันแข็งแกร่ง แข็งแรงนี้เองทำให้ มี ส.ส. น้ำดีจากหลายพรรค ตบเท้าเข้าร่วมพลังประชารัฐอย่างขันแข็ง ไม่ว่าจะเป็น ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า, ท่านสุภรณ์ อัตถาวงศ์ Aka แรมโบ้อีสาน, ท่านปารีณา ไกรคุปต์ Ake เอ๋ ราชบุรี หรือ ท่านสิระ เจนจาคะ ทั้งยังมีอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปร่วมพรรคนี้อีกกว่า 50 คน และในท้ายที่สุด พรรคพลังประชารัฐก็สามารถคว้าคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งที่โปร่งใส บริสุทธิ์ ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อปี 2562 ไปได้อย่างสบายๆ


ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมา ผมมั่นใจ 101 เปอร์เซ็นต์ว่า พลเอกประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งอย่างยาวนานที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะคนแบบนี้หายาก ประเทศไทยไม่สามารถปล่อยให้ท่านลงจากตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย วันลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี 5 มิถุนายน 2562 คือ เครื่องยืนยันที่ชัดเจนที่สุดว่า ชายผู้นี้เป็นที่รักของคนจำนวนมาก ขนาด ส.ว. ทุกคนต้องยกมือให้โดยไม่มีข้อแม้


สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุมรัฐสภาชั่วคราววันนั้น คือ ประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีใครทำได้ ลุงตู่คือ นายกรัฐมนตรีคนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยกมือให้จากสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเป็นคนดี มีบารมี น่าเคารพนับถือ ไม่มีทางเลยที่ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 249 คนจะยกมือให้ ยังไม่นับรวม ส.ส. อีกจำนวนกว่าครึ่งของสภาที่ยกแขนชิดหูเพื่อเลือกลุงตู่สุดหล่อ


จะมีนายกฯ สักกี่คนกันเชียวที่ ส.ว. จะลุกขึ้นอภิปรายปกป้องตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แม้แต่ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ควายแดงภูมิใจนักภูมิใจหนา ก็ยังไม่เคยได้รับการยกมือเลือกจาก ส.ว. มากเท่านี้ ส่วน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายกฯ อินเตอร์เน็ตขวัญวัยรุ่นเห่อ Moist นั่นไม่ต้องพูดถึง ไม่มี ส.ว. คนไหนเลือกเขาให้เป็นผู้นำรัฐบาลบริหารประเทศเลยแม้แต่คนเดียว


สุดท้ายนี้ ผมนึกไม่ออกเลยว่า จะมีนายกรัฐมนตรีสักกี่คนที่ทุ่มเทให้กับงานราชการเท่ากับลุงตู่ เพราะลุงถึงขนาดไม่ยอมมีบ้านเป็นของตัวเอง เลือกที่จะอุทิศทั้งชีวิตให้กับกองทัพ ยอมเอาชีวิตตัวเองไปอยู่ในค่ายทหาร สถานที่ที่ใครหลายคนอยากหลีกหนีให้ไกล แต่ลุงตู่ยอมอยู่บ้านหลวงในค่ายเพื่อจะได้ทุ่มเทเวลาทุกวินาทีให้กับการเป็นผู้บริหารประเทศ แน่นอนว่า ตลอดระยะเวลาที่ลุงตู่ นั่งควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เลยสร้างความมั่นใจให้กับผมได้มากว่า ลุงคือ วีรบุรุษการเมืองไทยอย่างแท้จริง


ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ผมกล้าพูดได้อย่างไม่อายหมาว่า รัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คือ “รัฐประหารที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์”การเมืองไทย และก็ไม่น่าจะเกินเลยไปจากการถูกเรียกว่า “รัฐประหารที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองโลก”


“ทักษิณ ธนาธรจงพินาศ ลุงตู่จงเจริญ”


บทความชิ้นนี้เขียนขึ้นเผื่อสดุดีวันครบรอบ 6 ปีการรัฐประหารอย่างกล้าหาญของ คสช. และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย สมซาย แซ่ฟาด /นักเขียนหนุ่มลูกครึ่งลาว-จีน ผู้มีใจรักประชาธิปไตย และกองทัพ กลองเพล และลองกอง


ติดตาม อีสานเด้อได้

ในเว็บไซต์ theisaander.com/

ทวิตเตอร์ twitter.com/TIsaander

อินสตาแกรม instagram.com/theisaander/


#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #รัฐประหาร #คสช #คือ #ดีที่สุด #ยืนหนึ่ง #ตัวแม่ #ปังเวอร์ #ลุงตู่ #ประยุทธ์ #หมาบุรุษ #แห่ง #แดนสยาม #นายกรัฐมนตรี #สุดยอด #ตลอดการ #ยึดอำนาจ #คนรัก #เท่าผืนหนัง #คนชัง #เท่าผืนเสื่อ #คนเบื่อ #เท่าสนามฟุตบอล #ไม่รักลุง #แล้วจะรักใคร #รักไอ้หมีเหรอ #บ้าน่า #ใครจะทำได้ลงคอ #รักที่สุด #ในประเทศไทย #ในโรคก็ว่าได้ — at ทำเนียบรัฐบาลไทย.

2,864 views1 comment
bottom of page