ในวันจันทร์นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สื่อมวลชนถึงกรณีพิพาทระหว่างประเทศอิหร่าน และสหรัฐอเมริกาว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว โดยสิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ ประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ใกล้เขตความขัดแย้งต้องปลอดภัย ด้านกระทรวงการต่างประเทศ เตือนคนไทยที่อยู่ในประเทศอิรัก ห้ามเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมของชาวอิหร่าน-อิรัก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแก่สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง หลังการที่สหรัฐอเมริกาได้ปฏิบัติการสังหาร พลตรีคาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds Forces) ของอิหร่านที่ประเทศอิรัก จนทำให้เกิดความไม่พอใจของชาวอิหร่าน-อิรัก นำไปสู่สถานการณ์ตึงเตรียด โดยระบุว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเฝ้าระวังสถานการณ์เป็นพิเศษแล้ว
“ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง ดูแลสถานทูต ตลอดจนสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งผมได้สั่งการไปแล้ว งานเหล่านี้บางครั้งไม่ได้พูดไว้ก่อน แต่ก็เป็นการสั่งการวันเสาร์ - อาทิตย์ เพราะข้อมูลต่างๆ ที่เข้าม ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ การต่างประเทศ ได้รายงานนายกฯ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว ซึ่งผมก็สั่งการไปแล้วให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบปฏิบัติ ขณะเดียวกันได้มีการเสริมกำลังในสถานทูตต่างๆ โดยเฉพาะบางสถานทูตที่สำคัญ” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไทยจะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนไทยเป็นสำคัญที่สุด โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
---
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2563 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอิรัก พลตรีคาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds Forces) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ถูกโจมตีโดยอากาศยานไร้คนขับจนเสียชีวิต ขณะเดินทางด้วยรถหุ้มเกราะบนถนน ใกล้กับสนามบินนานาชาติในกรุงแบกแดด ของอิรัก การโจมตีครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย ต่อมากระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในต่างประเทศ หลังจากที่ พลตรีคาเซม ได้วางแผนโจมตีนักการทูตสหรัฐอเมริกาในอิรัก
การสั่งหารพลตรีคาเซม ส่งผลให้ประชาชนอิหร่านแสดงความไม่พอใจ และรวมตัวกันไว้อาลัย รวมถึงประท้วงรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประชาชนอิรัก-อิหร่านที่อาศัยอยู่ในอิรักได้รวมตัวกันชุมนุมต่อต้านสหรัฐฯ ขึ้น ทั้ง นายอาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านก็ได้ประกาศว่า จะดำเนินการล้างแค้นสหรัฐฯ และหลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเหตุจรวดของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายถูกยิงไปตกใกล้สถานทูตสหรัฐฯ ในอิรักด้วย
---
ต่อมาในวันที่ 5 มกราคม 2563 สถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ได้ออกหนังสือประกาศเตือนคนไทยที่อาศัยอยู่ในอิรัก ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ชุมนุม และคนไทยนอกประเทศอิรักให้ยกเว้นการเดินทางเข้าอิรัก
“ขอประกาศให้คนไทยที่พำนักในอิรัก ใช้ความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินทางใกล้สถานที่ชุมนุม รวมทั้งขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปอิรัก ยกเว้นการเดินทางไปอิรักเป็นการชั่คราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด” สถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ระบุผ่านเฟซบุ๊ค Royal Thai Embassy in Amman, Hashemite Kingdom of Jordan
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีแรงงานไทยที่ทำงานในประเทศอิหร่าน 257 คน และประเทศอิรัก 25 คน โดยส่วนใหญ่ทำงานในตำแหน่งช่างเทคนิค พ่อครัว พนักงานนวด พนักงานบริการ ช่างเชื่อม ชาวประมง และพนักงานโรงงาน
---
โดย นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ เอกอัครราชทูตประจำกรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์แก่เบนาร์นิวส์ว่า ปัจจุบัน จะยังไม่มีการดำเนินการอพยพ หรือมาตรการใดเพิ่มเติม นอกจากการเตือนประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศอิรักให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุม
“ประเทศไทยโดย กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้องจะได้ติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และประเมินสถานการณ์ต่อไป” นางสาวบุษฎี ระบุ
ต่อข้อกังวลเรื่องราคาน้ำมัน หลังความตรึงเครียดระหว่างอิหร่าน-สหรัฐฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจส่วนตัวระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรับมือความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงแล้ว ขอให้ประชาชนคลายกังวลและมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“กระทรวงพลังงานได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน เรามีน้ำมันเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยใช้ได้สูงสุดถึง 50 วัน แบ่งเป็นน้ำมันดิบ ที่ใช้ได้ 36 วัน (4,133 ล้านลิตร) กับน้ำมันสำเร็จรูปที่ใช้ได้ 14 วัน (1,468) ส่วนปริมาณก๊าซ LPG สำรองได้ 17 วันเพื่อใช้ในภาคครัวเรือน (101 ล้านกิโลกรัม) และยังสามารถนำเข้าจากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ไม่กระทบการบริโภคภายในประเทศ” นายสนธิรัตน์ ระบุ
“ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้บริหารความเสี่ยง โดยลดสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางลงเหลือครึ่งหนึ่ง ส่วนการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศ หากมีความจำเป็นก็จะขอความร่วมมือให้งดการส่งออกน้ำมันดิบ และเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นอีกครับ สำหรับด้านราคาน้ำมันในตลาดโลก กองทุนน้ำมันเชื่อเพลิงมีแผนรองรับในกรณีฉุกเฉินเพื่อบริหารจัดการไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนไว้แล้ว” ตอนหนึ่งของข้อความที่ นายสนธิรัตน์ เขียน
---
ขณะเดียวกัน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสถานการณ์ และหาข่าวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอิหร่าน-สหรัฐฯ อยู่แล้วโดย พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วย อาทิ ตำรวจสันติบาล ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับกองการต่างประเทศ เฝ้าติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวัง และสืบสวนหาข่าวในพื้นที่สำคัญ เช่น สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล ประจำประเทศไทย โบสถ์ มัสยิด และจุดล่อแหลมต่าง ๆ เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
---
Comments