top of page
  • Writer's pictureThe Isaander

ศาลตัดสินยกฟ้อง โอ๊คคดีฟอกเงินกรุงไทย-กฤษดามหานคร



ในวันจันทร์นี้ ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลางตัดสินยกฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดข้อหาฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ในคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีที่ธนาคารกรุงไทยทุจริตปล่อยกู้ให้กับ บริษัท กฤษดานคร จำกัด ในปี 2546


นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค เดินทางมาถึงศาลฯในเวลาประมาณ 09.45 น. พร้อมกับครอบครัว และอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคน เพื่อมาฟังคำพิพากษาซึ่งตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตปล่อยกู้บริษัท กฤษดามหานคร


คดีนี้ อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายพานทองแท้ เนื่องจากพบหลักฐานว่า นายพานทองแท้รับเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่งเชื่อว่า เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทย กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร เข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91


“ศาลตัดสินยกฟ้อง เนื่องจาก พยานหลักฐานโจทก์ ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่านายพานทองแท้จำเลยได้รู้ที่มาของเงินจำนวน 10 ล้านบาทที่นายวิชัย กฤษดาธานนท์ โอนเข้าบัญชีว่านายวิชัยได้มาจากการกระทำผิดทุจริตการปล่อยกู้แบงค์กรุงไทย ซึ่งขณะที่รับโอนเงินจำเลยมีอายุเพียง 26 ปีและขณะนั้นมีเงินรายได้จากหุ้นในบริษัทอยู่แล้ว ถึง 4,000 ล้านบาทโดยเมื่อเทียบกับเงิน 10 ล้านบาทแล้วคิดเป็น 0.0025 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินดังกล่าว” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาโดยสรุป


ทั้งนี้ โจทก์นำสืบได้เพียงว่า ขณะที่รับโอนหุ้นในพานทองแท้เป็นบุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตรและมีความสนิทสนมกับครอบครัวของนายวิชัยเพียงเท่านั้น


---


คดีของนายพานทองแท้คดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านพิพากษาในคดีที่ สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร และพวก ซึ่งเป็นผู้บริหารธนาคารกรุงไทย พนักงานธนาคารกรุงไทย และพนักงานบริษัทเอกชนหลายแห่งรวมถึงบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด รวม 27 คนเป็นจำเลย ในความผิดตามพระราชบัญญติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502, พระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวลกฎหมายอาญา จากการที่ธนาคารกรุงไทยอนุมัติเงินกู้ 9.9 พันล้านบาท ให้กับบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด ซึ่งขณะนั้น มียอดขาดทุนสะสมสูง และอาจไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ และเชื่อว่า นายทักษิณอยู่เบื้องหลังการกระทำครั้งนี้ และมีจำเลยรายอื่นให้การสนับสนุน


ศาลได้พิพากษาสั่งให้ จำเลย 24 คนจากทั้งหมดมีความผิด และถูกจำคุก 12 ราย จำเลย 2 รายได้รับการยกฟ้อง ขณะที่คดีส่วนของนายทักษิณถูกจำหน่ายเนื่องจาก ไม่ได้มารายงานตัวต่อศาล เพราะหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ


ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2561 คดีทุจริตปล่อยกู้กฤษดานครฯ ดังกล่าว ถูกกลับมาทำใหม่อีกครั้งในส่วนของนายทักษิณ โดยอ้างคำให้การในชั้นศาลของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ระบุว่า “บิ๊กบอส” เป็นคนสั่งให้ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ให้กับกฤษดามหานคร และพบหลักฐานว่า นายพานทองแท้ และคนใกล้ชิดของนายทักษิณ ได้รับการโอนเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด


โดยนายพานทองแท้ ได้รับเช็ค 10 ล้านบาท จากนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชายของนายวิชัย ในปี 2546 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน จึงส่งสำนวนให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็น สั่งฟ้องนายพานทองแท้ในวันที่ 10 ตุลาคม 2561 กระทั่งคดีมีคำพิพากษาในวันจันทร์นี้


---


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินยกฟ้องนายทักษิณ ในคดีทุจริตปล่อยกู้กฤษดานครฯ หลังคำให้การของพยานไม่มีน้ำหนักพอที่จะระบุได้ว่า นายทักษิณ เป็นบิ๊กบอสที่สั่งการในคดีนี้จริง


---


#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #โอ๊ค #พานทองแท#ลูกทักษิณ #ชินวัตร #อดีตนายก #เช็ค10ล้าน #ฟอกเงิน #กรุงไทย #กฤษดามหานคร #ยกฟ้อง #คนจะรวย #ช่วยไม่ได้

63 views0 comments
bottom of page