พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เชิญสื่อมวลชน ร่วมฟังบรรยาย “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ โดยบรรยายสถานการณ์ความมั่นคงต่างๆในอดีต ถึงปัจจุบัน
พลเอก อภิรัชต์ กล่าวว่า ภาพเหตุการณ์เผาบ้าง เผาเมืองเมื่อปี 52-53 ทำให้ท่านต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพราะรู้สึกว่า วัยรุ่น นิสิต นักศึกษา มีความอ่อนไหว จึงต้องบรรยายเพื่อให้พวกเขาได้รู้ความจริง
"ผมถามว่าเกิดปี พ.ศ. อะไร ตอนนี้อายุเท่าไหร่ สมัยก่อนเด็ก 6-7-8 ขวบ ไม่รู้หรอกครับว่า มีการเผาศาลากลางจังหวัด ลืมไปหมดแล้ว เพราะแต่ก่อนเด็กไม่สนใจอะไร ไปถามเขา เขาก็บอกไม่รู้เรื่อง ไม่เคยได้ยิน แล้วภาพเหล่านี้ถูกระบบที่เขาเรียกว่าบิ๊กเดต้า อนาไลติก เพิ่มข้อมูลซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนให้ข้อเท็จจริงนั้นหายไปจากโซเชียล หรือเซิร์จไป หายาก"
“นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น”
พลเอก อภิรัชต์ ยังได้ อธิบาย ปัญหาชายแดนภาคใต้ โดยใช้ ภาพนายทักษิณ ชินวัตร เปิดการบรรยาย ระบุว่า ปี 2545 รัฐบาลสั่งยุบ ศอ.บต. - ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และประกาศว่า ไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้ว พวกที่เหลือเป็นแค่โจรกระจอก
โดยได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ตามลำดับเวลา ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นแบบปีต่อปีโดยกลุ่มก่อการร้ายที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทั้งยังระบุว่า ตนเองเคยปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ไม่ได้กลับบ้านหลายคน
“เรารู้ว่าใครเป็นศัตรู แต่ที่ยากที่สุดคือ ศัตรูกับประชาชนนั้นแต่งตัวเหมือนกัน นี่คือความยากที่สุดในการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราแยกแยะไม่ออกครับ เพราะฉะนั้นความกดดันจึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจ อส. ที่เราจะต้องระวังตลอดเวลา เราไม่รู้ว่าคนที่เดินเข้ามาหาเราจะเอาปืนมายิงเราไหม คนที่ขับรถผ่านเรา จะเอาระเบิดมาใส่เราไหม มันแยกแยะไม่ออก เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้หน่วยรบพิเศษ เข้ามาเสริมเพื่อหาข่าว และปฏิบัติการรบนอกแบบ”
พลเอก อภิรัชต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เบาบางลงเยอะ แต่เริ่มหนักขึ้นหลังเลือกตั้ง
“เอาคนจากข้างล่าง ไปวางแผนฝั่งโน้น แล้วเข้ามาทำในเขตกรุงเทพมหานคร หลังมีการเลือกตั้งได้ ไม่กี่เดือน หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนบางกลุ่ม ลงไปนั่งเสวนา นักวิชาการ อาจารย์บางคนนั่งเทียนเอา ไถโทรศัพท์มือถือเอา แล้วก็บอกเชี่ยวชาญ ชำนาญในภาคใต้ต้องแก้ปัญหาแบบนี้ มีการยกประเด็นมาตรา 1”
พลเอก อภิรัชต์ กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่า รัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้
“จะแก้มาตราอะไรก็แก้ ถ้าแก้มาตราที่ 1 ก็กระทบมาตราอื่นๆที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของพวกนักวิชาการ ที่ไม่พูดตรงๆ ออกมาว่า อยากทำอะไร อยากแก้อะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 หากประเทศไทยไม่ใช่ราชอาณาจักร แผ่นดินถูกแบ่งแยก กระทบมาตราอื่นแน่นอน ผมบอกแล้วนะครับว่า ไม่ใช่มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ”
พลเอก อภิรัชต์ ชี้ชัดว่า
“ผมไม่ยุ่งกับการเมือง แต่นี่คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคง”
บิ๊กแดง กล่าวว่า ทหารเป็นเป้าโจมตีมาตลอด แต่ความเป็นจริงทหารทำงานให้กับรัฐบาลทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีนายทหาร นายทำตรวจ นาย นาง หรือนางสาว ไม่เคยเลือกนาย
และระบุว่า ทหารต้องต่อสู้กับ สงครามลูกผสม ที่มีทั้งทางกายภาพ และข่าวสารข้อมูล ซึ่งท่านบอกว่า ท่านได้พูดมาหลายเวทีแล้ว เราเลยข้ามส่วนนี้ไป กระทั่งถึงช่วงปิดการบรรยาย
“ผมพูดให้ฟังทั้งหมดนี้ ทุกท่านไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ได้ แต่ผมขอถามท่านว่า ปัญหาเรื่องความมั่นคง ท่านจะให้ใครแก้ นักวิชาการ หรืออาจารย์บางคน ที่คบคิด กับพวกคอมมิวนิสต์เดิม เป็นคลังสมอง ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัด ดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอนอย่างไรจรรยาบรรณ ชอบอ้างเลข 2475 เป็นตัวชี้นำ ชอบอ้างว่า ตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้าง”
“หรือ ท่านจะเลือกให้กลุ่มนักการเมืองบางคน ที่มุ่งหาแต่ประโยชน์ส่วนตัวเพื่อพวกพ้องไม่นึกถึงประโยชน์ของชาติ แล้วยังมีนักการเมือง ในพื้นที่ภาคใต้ ที่เคยเกาะแข้งเกาะขานายทหารใหญ่ที่เป็นเพื่อนพ่อผม ตั้งพรรคการเมืองมา 20 ปีแต่ก่อน บัดนี้เริ่มเป็นใหญ่เป็นโตอีกแล้ว เอาเรื่องศาสนาเรื่องการแบ่งแยกดินแดนมาเป็นเครื่องมือ ในการหาเสียง หรือจะเชื่อกลุ่มนักการเมืองที่เหมือนผึ้งแตกรัง ลูกพี่ใหญ่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ”
“หรือสุดท้ายท่านจะเชื่อนักธุรกิจเจ้าของโรงงานที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบาก เหมือนพวก ฮ่องเต้ซินโดรม เคยชุมนุมร่วมกับคนเผาบ้านเผาเมือง สมคบคิดกับชาวต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน เจ้าพฤติกรรม ล้างสมองคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นฐานให้กับตนเข้าสู่การเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน"
ลูกบิ๊กจ๊อดระบุว่า "สามกลุ่มที่ผมพูดมานั้นไม่ผิดหรอกครับ ถ้าท่านจะเป็นผู้นำประเทศ ท่านเป็นได้ แล้วไม่ใช่ประเทศไทยไม่เคยมี สามคนกลุ่มประเภทนี้มาเป็นผู้นำประเทศ แต่ขอเถอะครับว่า ถ้าเขาเหล่านั้นไม่ส่อพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน เปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่ส่อพฤติกรรม หาประโยชน์ส่วนตน มากกว่าผลประโยชน์ของประเทศ เชิญเถอะครับ เชิญมานำประเทศของเราให้สู่ความเจริญ”
“ท่านคิดให้ดีแล้วกันนะครับว่า ที่บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ จะเป็นสาเหตุจากพรรคการเมือง หัวหน้าการเมือง หัวหน้าพรรคการเมืองใดก็ตาม ผมพูดรวมๆทั่วโลก ส่วนใหญ่แล้ว หนีหมด ทิ้งลูกน้องติดคุก ทิ้งลูกน้องสู้คดี ขึ้นศาล คนที่มาร่วมชุมนุมก็กลับไปจนเหมือนเดิม นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น"
สามีอาจารย์อ้อ ระบุว่า "สุดท้ายเราอาจจะเห็นต่างกัน รักใครชอบใคร ในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่ สิ่งที่เราเห็นต่างกันนั้น จะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติ จะต้องไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ผมและเพื่อนทหาร ตำรวจ จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน แล้วก็ขอให้พี่น้องประชาชน นิสิต นักศึกษา จำไว้ว่า ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ก็คือลูกหลานของพวกท่าน”
ระหว่างการบรรยาย ท่านบังได้บอกว่า ทหารก็เป็นประชาชนเหมือนกัน
“ทหารคือประชาชน ตำรวจคือประชาชน ข้าราชการคือประชาชน ผมไม่ใส่เครื่องแบบเดินเสาร์-อาทิตย์ ผมก็คือประชาชน มีเหตุผลอะไร เพราะทหารคือหลักไงครับ หลักแห่งความมั่นคงที่จะต้องปกป้องอธิปไตย จึงมีวาทกรรมต่างๆเกิดขึ้นทุกครั้ง เอามาหวังผลทางการเมือง เอาใจเด็กๆน้องๆวัยรุ่น ไม่ต้องเกณฑ์ทหารบ้างล่ะ ลดงบประมาณกองทัพบก ลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน”
และก่อนการบรรยายทั้งหมด บิ๊กแดง ยังเกาะกระแสข่าวที่ The Isaander ได้รายงานไปก่อนหน้านั้น ด้วยการกล่าวพาดพิงใครบางคนโดยไม่อ้างชื่อว่า
“ผมถามว่า วันนี้มีใครจะไปฮ่องกง เพราะเกิดเหตุการณ์อะไร แต่มีบางคนไปครับ แล้วก็ถ่ายรูปโพสต์ให้เห็น นายโจชัว หว่องนั้นมาเมืองไทยไม่รู้กี่รอบ มาพบกับใคร มาพบกับไอ้บุคคลประเภทไหน การพบกันนั้นมีวาระซ่อนเร้น วางแผนคบคิด ทำอะไรกันอยู่หรือเปล่า แถมยังขณะเกิดเหตุที่ฮ่องกง มีความวุ่นวายไปเยี่ยม เหมือนกับให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน”
“ที่ผมพูดนั้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมด” บิ๊กแดงยืนยันหลายครั้งหลายครา
ฟังเทปจริงๆ เดี๋ยวจะหาว่าเราโกหก ได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=TDI198a0m1w
Comments