ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ปิดเวทีประชาคมขอประทานบัตรโรงโม่หินชุมแพรุ่งเรือง ที่ต.นาฝาย อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น พื้นที่กว่า 60 ไร่ ชาวบ้านโวยถูกหลอกเสนอเงิน 1 ล้านให้ยอมตัดถนนผ่านที่นา แต่เกือบ 20 ปีกลับไม่ได้ซักบาท ทั้งห่วงฝุ่นฟุ้งแรงระเบิด
เมื่อเร็วๆนี้ ที่ศาลาวัดป่าบ้านสองคอนเหนือ หมู่ที่ 3 ต.นาฝาย อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในพื้นที่ขอประทานบัตร คำขอประทานบัตรที่ 3/2558 ชนิดแร่อุตสาหกรรม ชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง (โรงโม่หิน) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงโม่หินชุมแพรุ่งเรือง มีนายศักดิ์สิทธิ์ สิงห์สุนีย์ อุตสาหกรรม จังหวัดขอนแก่น,นายเมธี จีระพันธ์ วิศวกรเหมืองแร่ชำนาญการผู้แทนสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 อุดรธานี ร่วมชี้แจง มีประชาชนในพื้นที่คำขอประทานบัตรและผู้ร่วมสังเกตการณ์ ร่วมเวทีกว่า 200 คน
สำหรับคำขอประทานบัตรที่ 3/2558 ของโรงโม่หินชุมแพรุ่งเรือง มีเนื้อที่รวม 59 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา ซึ่งตามพ.ร.บ.แร่ ปีพ.ศ. 2560 จะต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านรอบพื้นที่ประทานบัตรในรัศมี 500 เมตร ซึ่งมีชุมชนที่อยู่ในรัศมีของโรงโม่หิน ตรงกับพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านสองคอนเหนือ ต.นาฝาย อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น จึงเปิดเวทีชี้แจงว่าถึงประโยชน์รวมถึงผลกระทบที่มีต่อชาวบ้าน
นายศักดิ์สิทธิ์ สิงห์สุนีย์ อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่าที่ตั้งโรงโม่หินตามประทานบัตร 3/2558 ได้ผ่านการประชาพิจารณ์แล้ว มีอายุสัมปทานไม่เกิน 25 ปี จึงมาเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในรัศมีรอบโรงโม่หิน ถึงการให้ประทานบัตรดังกล่าว ซึ่งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เบื้องต้นจะมีการจ้างงานจากชาวบ้านในพื้นที่ราว 50-60 คน รวมถึงค่าภาคหลวงแร่ 20% ให้กับอบต.พื้นที่
คำขอประทานบัตร 3/2558 ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงโม่หินชุมแพรุ่งเรืองเป็นการขอประทานบัตรทับพื้นที่ประทานบัตรเดิมที่มีการอนุญาตทำเหมืองมาแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ 2543 จะสิ้นสุด อายุเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 รวมเวลา 20 ปี พื้นที่โครงการมีเนื้อที่ 59 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวาไร่โดยรวมพื้นที่ประทานบัตรจำนวน 2 แปลงเป็นแปลงเดียวกันและเพิ่มเติมพื้นที่ติดต่อบางส่วน การทำเหมืองที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการครบถ้วน
ขณะเดียวกันตามกฎหมายใหม่ จะต้องจัดตั้งกองทุนให้กับชาวบ้านในเขตประทานบัตร ประกอบด้วยกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ จำนวน 200,000 บาท เพื่อดูแลสุขภาพคนในชุมชน กองทุนพัฒนาหมู่บ้านพื้นที่เหมือง จำนวน 500,000 บาท นำมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ และกองทุนเพื่อการศึกษาปีละ 50,000 บาท และให้ชาวบ้านได้สะท้อนความคิดเห็นต่างๆถึงการให้สัมปทานโรงโม่หิน ว่าเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร โดยจะรวบรวมความคิดเห็นไปยังส่วนกลางว่าจะอนุมัติหรือไม่
ด้านนางสลิด ปะละกา อายุ 60 ปี อาชีพเกษตรกร อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 3 ตำบลนาฝาย อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า การขึ้นของโรงโม่หิน สร้างรายได้ให้กับแรงงานในหมู่บ้าน แต่ก็เป็นส่วนน้อย เพราะแรงงานในหมู่บ้านส่วนมากที่เป็นวัยรุ่น-หนุ่มสาวจะไปทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะไม่ถนัดงานโรงโม่ ที่น่าห่วงการระเบิดหินแต่ละครั้ง ทำให้ถึงกับบ้านสะเทือนสั่นไหว อีกทั้งถนนที่ไปยังโรงโม่หิน หน้าแล้งจะมีฝุ่นฟุ้ง ยิ่งหน้าฝนถนนจะเป็นหลุมบ่อ ทำให้สัญจรลำบาก จึงอยากให้โรงโม่หิน ทำถนนให้ดี
ด้านนายบุญช่วย นิยมสุข อายุ 78 ปี อาชีพทำนาอยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 3 ตำบลนาฝาย อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ในรัศมีเขตประทานบัตร กล่าวว่าตนเป็นเจ้าของโฉนดเลขที่ 571 พื้นที่ 25 ไร่ 2 งาน 96 ตารางวา เป็นที่นาใกล้กับเขตโรงโม่หินชุมแพรุ่งเรือง เดิมทีนั้นเจ้าของโรงโม่ได้มาติดต่อขอตัดถนนผ่านที่นาของตน ตั้งแต่ปีพ.ศ.2543 เพื่อให้สามารถขนหินที่โม่เสร็จไปขายได้ โดยผู้บริหารยื่นข้อเสนอว่าจะให้เงิน 1 ล้านบาทเพื่อให้ตนยินยอม แต่เวลาผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว เจ้าของโรงโม่หินก็ยังไม่จ่ายเงินให้ตนเลย
“ตนถูกโรงโม่หินหลอกลวงมาโดยตลอด ทั้งการระเบิดหิน เกิดฝุ่นหรือเศษหิน ฟุ้งกระจายปนเปื้อนในผลผลิตข้าวเสียหาย ขายไม่ได้ราคา เคยร้องเรียนมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเมื่อมีการขยายขอประทานบัตรใหม่ ตนจะขอคัดค้านให้ถึงที่สุด จะร้องเรียนทั้งหน่วยงานรัฐในพื้นที่ และส่วนกลาง คัดค้านการอนุญาตขยายให้ประทานบัตรเหมืองแร่กับโรงโม่หินชุมแพรุ่งเรือง”นายบุญช่วย กล่าว
ทั้งนี้ภายหลังการนำเสนอความคิดเห็นของนายบุญช่วยในเวทีแล้ว อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น รับปากว่าจะนำความคิดเห็นของชาวบ้านทั้งหมด รวมถึงประเด็นปัญหาของนายบุญช่วย รวบรวมไปยังส่วนกลางพิจารณา และจะเข้าไปติดตามดูแลปัญหาของนายบุญช่วยอีกด้วย
---