เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ร้อง ป.ป.ช. จังหวัด หลังได้รับร้องเรียนว่า ประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกเงินค่าจ้างเหมาดูแลผู้ปกครองคนพิการ ด้านผู้ว่า ราชการจังหวัดเตรียมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
---
ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะตัวแทนผู้ดูแลคนพิการทางสติปัญญา ที่ จ.กาฬสินธุ์ เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยรายละเอียดในหนังสือ ได้อธิบายถึงที่มาของปัญหา อ้างว่าประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกเงินค่าจ้างเหมาดูแลผู้ปกครองคนพิการ มาตรา 35 และความเกี่ยวพันของเจ้าหน้าที่รัฐกับขบวนการทุจริต ซึ่งมีการใช้สถานที่ศูนย์ราชการของจังหวัดเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 2 ชุด สรุปผลตรวจสอบตรงกัน ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมอยู่ในขบวนการทุจริต พร้อมระบุประธานชมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาฯ และผู้ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 มีส่วนรู้เห็นในการยักยอกเงินค่าจ้าง เป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิดวินัย ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์
---
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ นายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ และผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) กาฬสินธุ์ ได้ร่วมประชุมปรึกษาและสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หลังจากสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวการยื่นหนังสือตรวจสอบผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ต่อ ป.ป.ช.ของผู้ดูแลคนพิการทางสติปัญญาฯ
จากนั้นนายไกรสรได้มอบหมายนายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผู้ว่าฯ ชี้แจงประเด็นปัญหาดังกล่าว
โดยนายสนั่นกล่าวว่า ตั้งแต่ผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ได้ร้องเรียนต่อเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ เมื่อปลายปี 2561 อ้างว่าถูกประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกเงินค่าจ้างเหมาดูแลคนพิการ ตามมาตรา 35 โดยจ่ายให้รายละ 2,000-4,000 บาท จากจำนวนเต็ม 9,125 บาทนั้น เรื่องดังกล่าวผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีความเป็นห่วง จึงได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 2 ชุด ประกอบด้วยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด, จัดหางานจังหวัด, พมจ. และยุติธรรมจังหวัด ซึ่งผลการตรวจสอบมีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง
นายสนั่นกล่าวอีกว่า ในส่วนผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จากการสอบปากคำผู้ปกครองคนพิการฯ ที่เป็นผู้ร้อง และประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการฯ ที่ถูกร้อง ผลสรุปออกมาในทิศทางเดียวกัน พบว่าเจ้าหน้าที่ในสำนักงานจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ เป็นในลักษณะบกพร่องในหน้าที่ โดยได้ออกหนังสือรับรองให้ผู้ปกครองคนพิการกับทางชมรมฯ เข้าร่วมโครงการตามมาตรา 35 จริง แต่ไม่ได้ดูลึกถึงวันทำงานและค่าตอบแทน
ขณะที่ในส่วนของผู้ปกครองคนพิการเองกลับเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกันกับประธานชมรมฯ ในการหักวันทำงานด้วย
“ตามที่ระบุในสัญญา ผู้ปกครองคนพิการฯ ต้องทำงานในชมรมสัปดาห์ละ 5 วัน กลับมีการตกลงร่วมกันมาทำงานจริง 3 วัน อีก 2 วันหักไว้เป็นค่าบริหารจัดการของชมรมฯ แต่กลับมีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างจริงเต็ม 5 วัน นอกจากนี้ ค่าตอบแทนต่อเดือนยังเข้าบัญชีของผู้ปกครองคนพิการ โดยเก็บสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้กับประธานชมรมฯ” นายสนั่นกล่าว และว่า เรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นนั้นจากการสอบปากคำทุกฝ่ายและพยานหลักฐาน ทำให้เชื่อได้ว่าประธานชมรมและผู้ปกครองคนพิการมีส่วนรู้เห็นกัน ดังนั้นผลการตรวจสอบ จึงพบว่าจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์บกพร่องในหน้าที่ ไม่ใช่ลักษณะของการทุจริต ขณะที่ประธานชมรมฯ นั้น เข้าข่ายส่อไปในทางยักยอกเงินค่าจ้าง จึงได้ให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ส่วนฝ่ายผู้ปกครองคนพิการฯ ก็มีส่วนรู้เห็นด้วย
นายสนั่นยังกล่าวอีกว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นทางจังหวัดโดยนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนชน โดยเฉพาะในกลุ่มคนพิการ ไม่เคยปล่อยปละละเลย และยอมไม่ได้ที่จะให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการยื่นเรื่องในตรวจสอบผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์นั้นก็ปล่อยให้เป็นตามขั้นตอน
---