30 สิงหาคม วันผู้สูญหายสากล คนอีสานผู้สูญหาย : กมล เหล่าโสภาพันธ์ จากปากประเสริฐ เหล่าโสภาพันธ์ น้องชายของผู้สูญหาย
.
“พี่กมลมีภรรยา 1 คน ลูก 2 คน หลังจากพี่กมลหายตัวไป ครอบครัวก็หวาดกลัว ต้องเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ต้องหลบลี้จากพื้นที่เดิม เพราะไม่อยากอยู่ที่เดิมแล้ว โดยเฉพาะการประกอบกิจการก็ยากลำบากสุดๆ พูดอย่างนั้นเลย เพราะมีความพยายามที่จะกลั่นแกล้ง ก่อกวน ผมจากทำธุรกิจ ก็ย้ายมาอยู่พระประแดง สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่บอกกับผมว่า คดีพี่กมลเป็นคดีคนบ้า คนเสียสติ” ประเสริฐ บอกกับดิ อีสานเด้อ
“นายกมล พี่ชายผม ถูกอุ้มหาย เพราะเห็นการคอร์รัปชั่น การเช่าที่ดินรถไฟเพื่อก่อสร้างอาคารพาณิชย์ 15 คูหา ปกติการเช่าที่ดินรถไฟต้องประมูลแข่งขัน แต่พี่กมลไปเห็นว่า ผู้ประมูลมี 2 ราย เป็นพี่เขยกับน้องเมียแข่งกัน น่าจะเป็นการฮั้วราคา แล้วการสร้างอาคารก็ผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ พี่ชายผมไม่ได้ต้องการไปฟ้องอะไร แต่ตรงนั้นเป็นที่ดินตรงข้ามบ้านแก ห่างแค่ไม่ถึง 10 เมตร ใกล้สถานีรถไฟบ้านไผ่ ขอนแก่น จึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีการดำเนินการ เพราะเกรงกลัวอิทธิพล พี่กมลเลยพยายามกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และทุจริต หลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าจะเอาผิดเจ้าหน้าที่ได้”
“7 กุมภาพันธ์ 2551 พี่กมล โทรมาบอกผมว่าจะไปที่โรงพักบ้านไผ่ ซึ่งห่างจากบ้านไม่ถึง 1 กิโลฯ ไปตอนบ่ายโมง ถึงเวลาห้าทุ่มสี่สิบเจ้าหน้าที่แจ้งว่า นายกมลออกมาแล้ว แต่ไม่ได้กลับบ้าน หายไปพร้อมรถ หลังจากนั้นพบรถไปจอดอยู่อีกอำเภอนึง บ้านพี่ผมใกล้แค่นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไปที่อื่น พี่กมลเป็นพ่อค้า ตัวแทนจำหน่ายเครื่องดื่ม เหล้า เบียร์ ไม่มีปัญหาขัดแย้งอย่างอื่น เป็นพ่อค้าสุจริต ไม่ได้เป็นข้าราชการ เพียงแค่พบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
“มีผู้หวังดีไม่เปิดเผยชื่อ โทรศัพท์มาบอกผมให้ไปตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของพนักงานสอบสวน แล้วจะพบว่า วันนั้น มีคนโทรหาพนักงานสอบสวน 4-5 ครั้ง โทรทุก 10 นาที คล้ายว่าจะถามความเคลื่อนไหวของพี่กมล”
“7 โมงเช้าวันต่อมา พี่สะใภ้โทรถามผมว่า เห็นอาเฮียโทรหาไหม พอไม่เห็นก็แจ้งความคนหาย พี่ชายผมเคยบอกไว้แล้วว่า มีคนประสงค์จะทำร้ายแก เพราะก่อนจะหาย ประมาณ 2 อาทิตย์มีคน 4-5 คน ร่วมกันวางแผนจะอุ้มพี่ชายผม มีนายตำรวจบอกเขามา นายตำรวจท่านนั้นบอกกับคนวางแผนว่า ถ้าเล่นรุนแรงแบบนี้ ญาติเขาไม่ยอมแน่ ตำรวจท่านนั้นจึงโทรมาบอกพี่ชายผม พี่ชายผมเลยระวังตัว และขอการคุ้มครองจากตำรวจ มีผู้ให้ข้อมูลว่า พี่กมลชะล่าใจ เขาคิดว่า เขาไปโรงพักจะปลอดภัย แต่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่อันตรายที่สุด”
“ทุกวันนี้คนที่เกี่ยวข้องก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นตลอด ครอบครัว ทางภรรยาพี่กมล ก็แจ้งความที่โรงพักบ้านไผ่ ส่วนผมแจ้งที่กองปราบฯ ได้หลักฐานมาหมด ดีเอสไอมาขอรับเป็นคดีพิเศษโดยที่ญาติไม่ได้ไปร้องขอ พอกองปราบส่งสำนวนให้ดีเอสไอ หนึ่งเดือนถัดมาตู้เก็บสำนวนถูกงัด จนบัดนั้นถึงบัดนี้ คดีก็เลยไม่มีความคืบหน้า”
“คนหาย คนตาย ไม่สามารถกลับมาได้หรอก แต่ความเป็นธรรมต้องมีคือสิ่งที่ผมต้องการ”
กมล เหล่าโสภาพันธ์(คนในภาพ ไม่ใช่สองพาราด็อกซ์) เกิดที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เมื่อตอนที่ หายตัวไป เขาอายุ 49 ปี
Comments