“ไม่เคยมีประเทศไหนที่สื่อไม่ให้เกียรติผู้นำแบบประเทศนี้ บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว อนุโมทนาสาธุครับ”
ผมเชื่อเหลือเกินว่า การที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลั่นประโยคข้างต้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้(25 กุมภาพันธ์ 2565) เพราะมีความความกดดัน และอัดอั้นภายในใจอย่างที่สุด จากสถานการณ์การเมืองที่ท่านต้องเผชิญ และผมเองก็รู้สึกสงสารลุงตู่อย่างสุดหัวใจ
ในฐานะนักข่าวที่ติดตามทำข่าว พล.อ. ประยุทธ์ มาอย่างยาวนาน ผมสามารถพูดได้อย่างไม่อายสุนัขว่า พล.อ. ประยุทธ์ คือ ผู้นำประเทศที่ให้เกียรติคนมากที่สุดในโลกคนนึง แต่ก็น่าน้อยใจแทนที่ ตัวท่านกลับไม่เคยได้รับการให้เกียรติอย่างเหมาะสมเท่าที่ควร
ดังนั้นในวันนี้ ผมจึงต้องรวบรวมสถานการณ์ต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ลุงตู่ คือ ผู้บริหารประเทศที่เต็มไปด้วยวุฒิภาวะ ให้เกียรติผู้คน และฉลาดในการวางตัวในจุดที่เหมาะสม มาเริ่มกันเลย
กรณีแรก ที่อยากจะนำเสนอ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557(พวกสามกลีบน่าจะยังไม่เกิด) สมัยที่ท่านยังดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้หัวหน้า คสช.
วันนั้น ขณะที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายกรัฐมนตรี ได้ใช้มือของตัวเองลูบหัว และบี้ใบหูของนักข่าวที่กำลังถือไมค์สัมภาษณ์อยู่ การกระทำครั้งนั้นของลุงตู่น่าจะเป็นการแสดงออกถึงความน่ารัก เป็นกันเองเข้าถึงได้ของลุง อย่างที่นักข่าวไม่เคยพบจากผู้นำคนไหน
เชื่อว่า นักข่าวหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นคงจะต้องเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นไปนอนฝันอีกหลายคืน (https://www.youtube.com/watch?v=TO84V70r_20)
กรณีต่อมาเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 ในงานสินค้าราคาถูกที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ กำลังเดินชิมอาหารภายในงาน เมื่อท่านพบกับนักข่าว และช่างภาพ ท่านได้ทักทายอย่างเป็นกันเอง ด้วยการโยนเปลือกกล้วยหอมที่ท่านได้รับประทานแล้วให้ ซึ่งถือว่า ในวันนั้น นอกจากจะได้งานแล้ว นักข่าวยังได้รับเปลือกกล้วยจากนายกรัฐมนตรีไปเป็นของที่ระลึก อีกด้วย
“วันนี้อารมณ์ดี เพราะมาดูสินค้าไทย ของคนไทย อารมณ์ดี ได้แกล้งคน” (https://www.youtube.com/watch?v=P5zXsYEwy9o) เชื่อว่า นักข่าวที่ได้รับเปลือกกล้วยใบนั้นไป น่าจะต้องเก็บมันไว้อย่างดีเพื่อมอบเป็นมรดกให้กับลูกหลาน
อีกกรณี คือเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2558 พล.อ. ประยุทธ์ เคยแถลงข่าว โดยใช้ภาษาอันเรียบง่ายและเป็นกันเอง ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น และสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก
“เมื่อวานที โมโห นะไอ้คนถ่ายรูป มันถ่ายได้ไง ผมก็ทำนิ้วของผมไปเรื่อย ไอ้ห่า! ถ่ายออกมา หาว่าผมชี้นิ้ว นั้น นิ้วนี้ เนี่ยเขาเรียกว่าจิตใจมันต่ำ ด่าซะที ไม่กลัวหรอก ด่างี้ จะทำไม ขนาดอำนาจอย่างนี้ มันยังท้าทายแบบนี้ แล้วถ้าไม่มีกฎอัยการศึกมันจะเกิดอะไรขึ้นกว่านี้” (https://www.youtube.com/watch?v=2wCEzuxioC0)
การกระทำของท่านในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ท่านไม่เคยสนใจเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่เคยถือตัวว่า ตัวเองเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ที่ กปปส. เป่านกหวีดเรียกมา ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่มีผู้นำประเทศอื่นในโลกให้ความเป็นกันเองกับนักข่าวแบบนี้ แม้กระทั่ง ฯพณฯ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้อ่อนโยน
ในวันทหารผ่านศึก ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นอีกครั้งที่ นายกรัฐมนตรีคนดีคนนี้แสดงออก ถึงความไม่ถือตัว เมื่อท่านบอกกับนักข่าวว่า “ด่าผมสิ ด่ามา ไม่มีกลัวอยู่แล้ว... ที่พูดทุกอย่างรู้เรื่อง เพราะว่าอ่าน เคยอ่านบ้างไหมหนังสือ”(https://www.youtube.com/watch?v=37BwpY__EYQ)
ข้อความดังกล่าวจากนายกรัฐมนตรี นอกจากจะแสดงให้เห็นถึง การเป็นคนยอมรับคำวิพากษ์-วิจารณ์ ยังแสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นคนที่ใฝ่รู้ และชอบอ่านหนังสือ ซึ่งทำให้ท่านเป็นผู้นำที่รอบรู้ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเซลส์สมอง หรือประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนชาติไทยจากเทือกเขาอัลไต
นอกจากการให้เกียรติคนแล้ว การยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย ก็ถือว่าเป็นจุดแข็งของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 เป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่หมื่นครั้งที่ พล.อ. ประยุทธ์ แสดงความฉุนเฉียวกับนักข่าว โดยเมื่อนักข่าวพยายามถามเรื่องข่าวลือรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีก็ได้ตอบโต้ว่า
“เห้ย ไป กลับบ้านเลย” (https://www.youtube.com/watch?v=QhVKa3RjEXM) และเดินออกจากโพเดี้ยมทันที การแสดงออกครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีท่านนี้ คือ ผู้ที่มีศรัทธาในการปกครองแบบประชาธิปไตยมากที่สุด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นหัวหน้า คณะรัฐประหารจะแสดงออกในความเข้าใจระบอบการปกครองที่เป็นสากลได้ถึงพียงนี้
มาถึงกรณี ที่โด่งดังระดับโลก และไม่พูดถึงไม่ได้ของนายกรัฐมนตรี คือ วันที่ 9 มีนาคม 2564 ในการแถลงข่าว ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นอีกครั้งที่ นักข่าวสัมผัสได้ถึงการให้เกียรติ เมื่อท่านลดตัวมาเป็นผู้ลงมือฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ให้แก่นักข่าวด้วยตัวเอง(https://www.youtube.com/watch?v=qtOy4kAltZo) นี่คือ การแสดงความเป็นห่วงเป็นใยที่ท่านได้เผื่อแผ่ถึงนักข่าว ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย
การกระทำครั้งดังกล่าว นอกจากจะทำให้ท่านได้รับความสนใจจากทั่วโลก ยังได้รับการยกย่องสรรเสริญจาก ชาวต่างชาติว่า “ว่าว ลุงตู่ทำให้โดนัล ทรัมป์กลายเป็นนักบุญไปเลย” นี่ เป็นเครื่องยืนยันว่า การที่ประเทศไทยมี พล.อ. ประยุทธ์ เป็นผู้นำประเทศนั้น นอกจากดีต่อประเทศไทยเองแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับผู้นำโลกคนอื่นๆ อีกด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสง่างามที่ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แสดงออกตลอดหลายปีที่ท่านได้ดำรงตำแหน่ง ซึ่งเชื่อว่า หากท่านใดได้อ่าน ไม่ว่าจะรักท่าน หรือเกลียดท่าน ก็น่าจะประทับใจ และภูมิใจกับการที่ได้มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำประเทศ และน่าจะชื่นชมในความให้เกียรติคนอื่นของท่าน ไม่มากก็น้อย
สำหรับ ดิ อีสานเด้อ ก็หวังเพียงแค่ หลังจากนี้ ทุกท่านน่าจะให้เกลียดนายกรัฐมนตรีของเราให้มากขึ้น เพราะเราเชื่อว่า ท่านได้ทุ่มเททำงานให้กับพวกเราจริงๆ แม้ผลงานที่ออกมาจะเหมือนท่านไม่ได้พยายาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า การยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งตลอด 8 ปีที่ผ่านมานี้ คือ เครื่องพิสูจน์ว่า ท่านมีความทานทนต่อแรงเสียดทาน ไม่ต่างจากพื้นรองเท้าคอมแบทสมัยที่ท่านเป็นทหารแน่นอน
---
บทความ และภาพ : สมชาย แซ่ฟาด / นักเขียนหนุ่มลูกครึ่งลาว-จีน ผู้มีใจรักประชาธิปไตย และกองทัพ กลองเพล และลองกอง
—
ฝากติดตาม ดิ อีสานเด้อ ในช่องทางต่างๆ เว็บไซต์ www.theisaander.com เฟซบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/theisaander อินสตาแกรม www.instagram.com/theisaander ทวิตเตอร์ twitter.com/TIsaander และกลุ่ม หมู่เฮาอีสานเด้อ
#TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน #ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #ประยุทธ์ #นายกรัฐมนตรี #ให้เกียรติ #เกลียด #สื่อมวลชน #ยูเครน
Comentários