นานเวลานั่งอยู่ผู้โดยสาร
รถรางผ่านชานชาลาที่หงอยเหงา
เคยผู้คนนับร้อยเริ่มน้อยเงา
ชราพลบซบเซาอัสดง
ใครที่คอยโบกไม้ป่ายธงปลิว
สัญญาณฉิวสลับเฉื่อยบัญชาส่ง
แต่ละรางละรางอย่างบรรจง
เมื่อเห็นธงนิ่งชูอยู่ตรงนั้น
แรกขบวนชวนกันกระโดดฉับ
ขึ้นไปจับกระชับราวก้าวมุ่งมั่น
ด้วยสองขาสองมือคือประจัญ
หนึ่งสมองปองปั้นอนาคต
เอาแผ่นฟ้าแผ่แทนต่างแผนที่
ลิขิตแผนชีวีชี้กำหนด
ร่วมรู้เห็นเส้นทางของรางรถ
เป็นทางยศไปปลดแอกแปลกชะตา
เส้นทางทอดตลอดยาวคราวยากเย็น
ใครมองเห็นเส้นแห่งแสวงหา
ใครมองเป็นเส้นผ่านกาลเวลา
ให้แคลนคลอนอ่อนล้าแต่แรกไป
จะทบทวนชวนกันยังทันลง
ชุมทางธงโบกจอดอยู่ใกล้ใกล้
หวูดร้องครางแต่รางรถยังทอดไกล
ทนไม่ไหวใจท้อจึงขอลง
คิดถึงบ้านงานเก่ายังเนาอยู่
กับไปสู้หน้ากรำทำงานส่ง
งวดชนงวดยังดีกว่าชี้ธง
ไม่รู้พงดงผ่านสะท้านทาง
จอดนิ่งนานชานชาลายิ่งเงียบเหงา
ยังเพื่อนเก่าไถ่ถามความเหินห่าง
ยังจุดหมายปลายฝันนั้นรกร้าง
จะไปสร้างสรวงสวรรค์วิมานใด
หวูดรถรางครางคลั่งเสียงดังก้อง
ไม่สอดคล้องกับจังหวะที่เคลื่อนไหว
คืนเหน็บหนาวใครหยิบฟืนใครยื่นไฟ
ใครสุมแรงโถมใส่หัวขบวน
เมื่อชีวิตอาจสั้นกว่าเส้นทาง
ขึ้นรถรางแล่นไปไม่อาจหวน
ผู้โดยสารบางคนวนทบทวน
ปล่อยเรรวนบนรางให้ค้างใจ
บทกวี จากอาคม คำภูษา นักเขียนจากโครงการบ่มเพาะนักเขียนหน้าใหม่ สำนักงานศิลปวัฒธรรมร่วมสมัย ปี 2562 #TheIsaander #Isaan #Isaannews #อีสานเด้อ #อีสาน#ข่าวอีสาน #ดิอีสานเด้อ #บทกวี #กวีอีสาน #อาคม #คำภูษ #ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
Comments