สะหวันนะเขต เป็นแขวงหนึ่งของลาวที่นับได้ว่ามีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ เป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ เป็นศูนย์รวมสินค้าและความบันเทิงมากมาย เมืองเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนในรูปแบบต่างๆ โดยจำนวนมากมีลักษณะอาคารคล้ายตะวันตกอย่างฝรั่งเศส เนื่องจากสะหวันนะเขตอยู่ภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศสราว 50 ปี และหลังจากฝรั่งเศสออกไป เมืองแห่งนี้ก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอเมริกาต่ออีก 20 ปีโดยประมาณ ในเวลาต่อมา ผู้นำลาวได้ร่วมมือกับโฮจิมินห์ในยุคที่คอมมิวนิสต์เข้ามามีบทบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อขับไล่อเมริกาออกไป หลังจากมีการเปลี่ยนการปกครองจากเดิมที่สามารถทำการค้าได้อย่างเสรี กลับต้องมาทำงานและนำผลผลิตที่ได้จากการทำงานมารวมกันเพื่อแบ่งให้เท่าๆ กันนั้น ส่งผลให้ผู้คนในสะหวันนะเขตและพื้นที่อื่นๆ ที่ถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการคอมมิวนิสต์ ไม่สามารถอดรนทนได้อีกต่อไป เริ่มอพยพหนีย้ายไปอยู่ที่อื่น การค้าและความเป็นอยู่แบบเดิมในสะหวันนะเขตเลือนลางและจางหายไปเป็นเวลาราว 20 ปี และนี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เมืองแห่งนี้ทรุดโทรมลง กระทั่งถูกทิ้งร้างไปในระยะเวลาหนึ่ง เช่นเดียวกับ เรื่องราวที่ถูกนำเสนอในหนังสัญชาติกัมพูชาเรื่อง “Last Night I Saw You Smiling” (2019) ที่บอกเล่าถึงอาคารบ้านเรืองในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชาที่เคยรุ่งเรืองอย่างมาในอดีต แต่กลับเหลือเพียงซากเหล็กซากหินในปัจจุบัน หลังจากเมืองแห่งนี้ถูกทำลายและทิ้งร้างไปในช่วงที่เขมรแดงเข้ามาบุกยึดเป็นเวลา 4 ปี (ขยายความเพิ่มเติมในหนังสือเรื่อง “4ปี นรกในเขมร” ของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ) แม้ปัจจุบัน สะหวันนะเขตจะมีผู้คนทะยอยเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ก็เริ่มมีความคิดร่วมกันว่า อยากจะหันมาอนุรักษ์เมืองแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไปพร้อมกับการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่ เริ่มต้นจากการจัดทีมสำรวจอาคารเก่าในพื้นที่ย่านเมืองเก่าสะหวันนะเขตขนาด 55.4 เฮกตาร์ (หรือประมาณ 0.554 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งก็พบว่า พื้นที่แหล่งนี้มีอาคารเก่ารวมทั้งสิ้น 117 หลัง ในอาคารเก่าทั้ง 117 หลังนี้ แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่ (1) แบบสะหวันนะเขตดั้งเดิม ปัจจุบันมีอยู่หลังเดียวนั้นก็คือบ้านพักของท่านไกสอน พมวิหาน (2) Laos-Colonial บ้านเรือนจะเป็นแบบยกใต้ถุนสูง และมีฟาซาดแบบอาณานิคมตะวันตก (3) บ้านเดี่ยวแบบ Single House มีอยู่เป็นจำนวนมาก ราวๆ 90 หลังจาก 117 หลัง สมัยก่อนอาคารในลักษณะนี้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าอาณานิคม/เจ้าขุนมูลนายเก่า ปัจจุบัน อาคารส่วนใหญ่ยังสามารถใช้งานได้ (4) อาคารแบบ Colonial มีลักษณะเป็นห้องแถว สร้างโดยคนจีนและลาวที่อพยพเข้ามาเป็นแรงงานในสมัยก่อน ปัจจุบัน ถูกปรับแต่งเป็นร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร และที่อยู่อาศัย (5) อาคารแบบ Art Deco ที่เป็น Shop House (6) Art Deco ที่เป็น Single House และ (7) อาคารศาสนสถาน เช่น วัด และโบรถ เป็นต้น หนึ่งในผู้เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาคารเก่าในสะหวันนะเขตเล่าว่า รูปแบบการอนุรักษ์อาคารทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ (1) อนุรักษ์รูปแบบเก่าให้คงอยู่ (2) เสริมความแข็งแรงให้ตัวอาคาร และ (3) รักษาโครงสร้างแต่เปลี่ยนหน้าที่การใช้งาน ทั้งนี้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ ทีมงานจะนำไปเสนอต่อหน่วยงานกลางที่นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อนำไปสู่การผลักดันสะหวันนะเขตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต เมื่อไปถึงย่านเมืองเก่าแขวงสะหวันนะเขต “คันทะบุลี” เป็นถนนเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การเดินทางไปถึง เป็นถนนสายสำคัญที่ทิ้งร่องรอยเมื่อครั้งสะหวันนะเขตอยู่ในยุคสมัยที่รุ่งเรื่องที่สุด ถนนสายนี้มี “โรงรูปเงา” (โรงหนัง/โรงภาพยนตร์) ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ถึง 2 แห่ง ได้แก่ (1) โรงรูปเงาลาวจะเรินรามา และ (2) โรงรูปเงาพูมสะหวัน ทั้งสองสร้างขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกันราวๆ ปี 1960 โดยคำว่า “จะเริน” ในชื่อโรงรูปเงาลาวจะเรินรามานั้น แปลว่าความเจริญรุ่งเรืองของยุคสมัย (civilization) รูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบ art deco มีการใช้ฟาซาดซึ่งเป็นศิลปะอาคารที่แพร่หลายเป็นอย่างมากตะวันตกช่วงปี 1910-1930 เป็นลวดลายเลขาคณิตสมัยยุคโมเดิร์น โรงรูปเงาลาวจะเรินรามา เป็นอาคารปูนสองชั้น ด้านล่างเป็นโถงใหญ่มีจอฉายหนังด้านหน้า ชั้นสองมีชั้นลอย (คาดว่าเป็นที่นั่งชมมหรสพของชนชั้นสูง) และมีลานเต้นรำกลางแจ้ง เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงรูปเงาที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ปัจจุบันโรงรูปเงาทั้งสองแห่งไม่ได้เปิดให้บริการแล้ว โดยแห่งแรกปิดตัวลงเพราะเกิดเหตุเพลิงไหม้ และแห่งที่สองปิดตัวลงเพราะได้รับความนิยมจากผู้ชมลดลง (ภาพประกอบในคอมเม้นต์) แม้โรงรูปเงาทั้งสองแห่งจะปิดตัวลงไปแล้ว แต่ในช่วงที่เราเดินทางไปตรงกับเทศกาล Savan Fun Fest พอดี เป็นช่วงที่มีเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปชมภายในตัวอาคารได้ทั้งสองแห่ง สำหรับแห่งแรก แม้อาคารจะมีความเสื่อมโทรมอย่างมาก แต่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยให้เราได้เห็นว่า ในอดีตโรงรูปแห่งนี้ในเมืองสะหวันนะเขตแห่งนี้มีความรุ่งเรืองมากเพียงใด ส่วนแห่งที่สอง ด้วยสภาพที่ค่อนข้างสมบรูณ์ ทีมงานผู้จัด Savan Fun Fest จึงใช้สถานที่แห่งนี้เปิดฉายละคอน สาละคะดี รวมถึงกาตูน ตลอดเทศกาลระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2562 (โปรแกรมการฉายหนังตามภาพในคอมเม้นต์) เป็นที่น่าสนใจคือ รูปเงาเลื่อง “สะบายดีหลวงพะบาง” (2551) (ภาคต่อคือ สะบายดี 2 ไม่มีคำตอบจาก..ปากเซ) เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนระหว่างไทย-ลาว ถ่ายทำในเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และจำปาศักดิ์ มีโครงเรื่องเป็นหนังรักโรแมนติก เล่าถึงหนุ่มไทยเชื้อสายลาวที่ต้องเดินทางจากไทยไปทำงานครั้งแรกที่ลาว เขาไม่เคยเดินทางไปลาวสักครั้ง จึงจ้างมัคคุเทศก์สาวลาวนำทาง การนำทางครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของมัคคุเทศน์สาวคนนี้เช่นกัน ทั้งสองจึงหลงตลอดทาง ฝ่ายชายเริ่มชอบฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายสาวก็พยายามหนีห่าง ฝ่ายชายจึงพยายามพิสูจน์ความรักของเขาให้ฝ่ายหญิงเห็นว่า ความนักของเขาไม่ใช่เรื่องชั่วคราวแบบนักท่องเที่ยวที่มาแปบๆ แล้วจากไป (ตัวอย่างหนัง: https://www.youtube.com/watch?v=laCOkuc2Re8) "สะบายดีหลวงพะบาง" ถูกนำมาฉายในเทศกาล Savan Fun Fest ในช่วงเวลาสำคัญของวัน (prime time) รวม 2 รอบ (ทั้งที่มีหนังไทยจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของผู้คนไทย-ลาว เพราะเหตุใดจึงเลือกหนังเรื่องนี้?) เราลองสอบถามคนลาวที่นั่งชมรูปเงาเลื่องนี้คนหนึ่ง เธอเล่าว่า ชอบหนังโรแมนติก พระเอก (อนันดา) หล่อดี ดูเข้าใจง่าย สบายๆ กระแสความนิยมความบันเทิงไทย (Thai Wind) ได้รับความแพร่หลายในลาว สาเหตุประการหนึ่งอาจเป็นเพราะไทยและลาวมีความใกล้ชิดทางวัฒนธรรม (cultural intimacy) กันในระดับหนึ่ง ส่งผลให้สื่อบันเทิงต่างๆ ของไทย เมื่อถูกนำไปเผยแพร่ในลาว คนลาวดูแล้วเก็ตดูแล้วเข้าใจ จึงเป็นเหตุให้สนใจและหามาดูมารับฟังต่อไปเรื่อยๆ หน้าโรงรูปเงาพูมสะหวัน มีแผ่นซีดีหนังที่จัดทำโดยบริษัทเอกชนในลาวมาวางขายประมาณ 5 เรื่อง แผ่นละ 15.000 กีบ หรือคิดเป็น 50 บาทไทย มีทั้งหนังรัก หนังชีวิต และหนังตลก น้องคนขายเล่าว่า หนังเรื่อง รักอีหลี2 ขายดีและเป็นที่นิยมมากในลาว และแนะนำว่าหาดูภาคแรกในยูทูปก่อนได้ เราตัดสินใจซื้อหนังมา 2 เรื่องคือ Vientiane in Love รักนี้ที่เวียงจันทน์ น้องบอกว่าเรื่องนี้ถ้าได้ดูแล้วต้องร้องไห้แน่ๆ และอีกเรื่องหนึ่งคือปลายทาง เรื่องนี้น้องบอกว่าเป็นหนังรางวัล ไปฉายที่ไหนก็ได้รางวัล ______________________ #TheIsaander #มุกดาหาร #สะหวันนะเขต #SavanFunFest #โรงรูปเงา — at โรงแรม เวียงโขง มุกดาหาร.
top of page
bottom of page
Comments